สภาพอากาศและฤดูกาลในโมร็อคโค

โมร็อคโคส่วนใหญ่มีภูมิอากาศแบบเขตร้อนชื้นซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่ปลายเหนือสุดของประเทศอยู่ห่างจากสเปนเพียง 9 ไมล์เท่านั้น ในความเป็นจริงสภาพอากาศในหลายพื้นที่ของโมร็อคโค นอกทะเลทรายแห้งแล้งในโมร็อคโคตะวันออกใกล้อย่างที่เมอซูก้าแล้ว ทุกประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไม่มีกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับสภาพอากาศ มีอุณหภูมิแตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับภูมิภาคและระดับความสูง

ฤดูหนาวมีระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมและเห็นสภาพอากาศที่หนาวที่สุดและฝนตกชุกของปีในขณะที่ฤดูร้อนมีระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมและมักจะร้อนอบอ้าว ฤดูกาลของฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงมักจะพบกับสภาพอากาศที่ดีที่สุดและโดยทั่วไปแล้วเป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์ที่สุดในการเดินทาง

เมืองยอดนิยมในโมร็อคโค
ตามชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกความแตกต่างระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาวมีน้อยมากเนื่องจากลมเย็นที่ทำให้ความร้อนของฤดูร้อนและป้องกันไม่ให้ฤดูหนาวเย็นเกินไป อย่างไรก็ตามฤดูกาลมีผลกระทบมากขึ้นในส่วนภายในของโมร็อกโก ในทะเลทรายซาฮาราอุณหภูมิฤดูร้อนมักจะเกิน 104 องศาฟาเรนไฮต์ (40 องศาเซลเซียส) ในฤดูร้อน แต่อาจลดลงเมื่อใกล้กับช่วงฤดูหนาว ในช่วงหน้าฝนปริมาณน้ำฝนทางตอนเหนือของโมร็อกโกมีความเปียกชื้นมากกว่าทางใต้ที่แห้งแล้ง (โดยเฉพาะตามแนวชายฝั่ง) ในขณะเดียวกันเทือกเขาแอตลาสตั้งอยู่ในใจกลางของประเทศมีสภาพภูมิอากาศของตัวเองที่มีอุณหภูมิเย็นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากระดับความสูงและในฤดูหนาวมีหิมะเพียงพอที่จะรองรับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด

Marrakech
เมืองมาราเกชตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มด้านในของโมร็อกโกเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ จัดว่ามีสภาพภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งซึ่งหมายความว่ามันจะเย็นในช่วงฤดูหนาวและร้อนในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยสำหรับเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมมีอุณหภูมิอยู่ที่ 54 องศาฟาเรนไฮต์ (12 องศาเซลเซียส) ในขณะที่อุณหภูมิมิถุนายนถึงสิงหาคมมีอุณหภูมิเฉลี่ย 77 องศาฟาเรนไฮต์ (25 องศาเซลเซียส) ฤดูหนาวยังค่อนข้างชื้นโดยแต่ละเดือนมีฝนประมาณครึ่งนึงในขณะที่ความร้อนในฤดูร้อนแห้งมากกว่าชื้น – แทบจะไม่มีฝนตกตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงเมื่อคุณตั้งตารอชมกับแสงแดดที่อุดมสมบูรณ์และเย็นที่น่ารื่นรมย์

Fez
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศในภูมิภาคแอตลาสตอนกลางเฟซมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแดดจัด ฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิมักจะมีความชื้นด้วยปริมาณฝนตกมากที่สุดระหว่างเดือนพฤศจิกายนและมกราคม ในฤดูหนาวอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 57 องศาฟาเรนไฮต์ (14 องศาเซลเซียส) ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมสภาพอากาศโดยทั่วไปจะร้อนแห้งและมีแดดโดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 86 องศาฟาเรนไฮต์ (30 องศาเซลเซียส) และปริมาณน้ำฝนน้อยลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนทำให้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมโมร็อคโค

The Atlas Mountains
สภาพอากาศในเทือกเขาแอตลาสไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับระดับความสูงของเทือกเขาที่คุณวางแผนจะไปเยือนในภูมิภาคไฮแอตลาสในฤดูร้อนมีอากาศเย็น แต่มีแดดอ่อนๆโดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 77 องศาฟาเรนไฮต์ (25 องศาเซลเซียส) ในช่วงกลางวัน เฟซส่วนที่เหลือของภูมิภาคแอตลาสกลางมีฝนตกชุกในฤดูหนาวและฤดูร้อนมีแดดจัด ในฤดูหนาวอุณหภูมิมักจะลดลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งบางครั้งก็ตกลงต่ำสุดที่- 4 องศาฟาเรนไฮต์ (- 20 องศาเซลเซียส) หิมะตกเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งทำให้ในฤดูหนาวเหมาะแก่การให้คุณมาเล่นสกีในช่วงนี้

Western Sahara
ทะเลทรายซาฮาร่าร้อนระอุในฤดูร้อนอุณหภูมิเฉลี่ยในตอนกลางวันประมาณ 45 องศาเซลเซียส ในเวลากลางคืนอุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็วและในฤดูหนาวจะเย็นจนอาจจะเป็นหิมะได้  เวลาที่ดีที่สุดในการจองทัวร์ทะเลทรายคือในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเมื่ออากาศไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป อย่างไรก็ตามโปรดทราบว่าในเดือนมีนาคมและเมษายนมักจะตรงกับลม Sirocco ซึ่งอาจทำให้เกิดฝุ่นจะส่งผลไม่ดีในการมองเห็นและพายุทรายฉับพลัน

ฤดูใบไม้ผลิในโมร็อคโค
ฤดูใบไม้ผลิเป็นเวลาที่นิยมมากในการเยี่ยมชมโมร็อกโกเป็นอุณหภูมิที่น่าพอใจและภูมิทัศน์สีเขียวสดใสที่คุณจะพบได้ทั่วประเทศในช่วงเวลานี้ของปี นอกจากนี้ทั้งเดือนพฤษภาคมและเมษายนถือเป็นเดือนที่มีฝนตกไม่ว่าคุณจะไปที่เฟซหรือเทือกเขาแอตลาสคุณจะพบกับฝนที่ตกมากเกินไป อย่างไรก็ตามหากคุณวางแผนที่จะเยี่ยมชมทะเลทรายซาฮาราพายุทรายในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะค่อนข้างแรงเนื่องจากลม Sirocco ที่พัดผ่านภูมิภาคในเวลานั้น

สิ่งที่ต้องเตรียม: อย่าลืมพกร่มที่มีน้ำหนักเบาเพื่อป้องกันลมที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาวและเสื้อแจ็กเก็ตหรือเสื้อกันหนาวบาง ๆ เพื่อสนุกกับสภาพอากาศที่เย็นสบายในช่วงนี้

ฤดูร้อนในโมร็อคโค
ฤดูร้อนของโมร็อกโกร้อนแรงมาก แต่อาจเย็นกว่านี้เล็กน้อยตามแนวชายฝั่งดังนั้นคุณจะต้องไปพักที่นั่นเพื่อคลายความร้อน นอกจากนี้พื้นที่ภายในหลายแห่งอาจเย็นกว่าในตอนเช้าและตอนเย็นดังนั้นหากคุณเดินทางไปยังเทือกเขาแอตลาสหรือมาราเกชคุณควรเตรียมตัวสำหรับอากาศที่ร้อนทั้งวันและกลางคืนอันเย็นสบาย ไม่ว่าคุณจ้เดินทางไปที่ไหนจะมีฝนตกน้อยมากในช่วงฤดูนี้ซึ่งทำให้การวางแผนการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่ชายหาดหรือการไต่เขาในช่วงบ่ายเป็นเรื่องที่ดี

สิ่งที่ต้องเตรียม: การแต่งกายแบบอนุรักษ์นิยมที่สุดของโมร็อกโกถือเป็นเรื่องจริงที่ไม่คำนึงถึงฤดูกาลที่คุณไปเที่ยว ผู้หญิงมักเสื้อคลุมยาวที่หุ้มข้อศอกและผมมักถูกปกคลุมหรือมัดรวบไว้ด้านหลัง หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อคลุมยาวclingy หรือสายรัดปาเก็ตตี้โดยไม่คำนึงถึงฤดูกาล ผู้ชายมักแต่งตัวในเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตก แต่ไม่สวมกางเกงขาสั้นเป็นประจำ

ฤดูหนาวในโมร็อคโค
ฤดูหนาวของโมร็อคโคเริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมและบางส่วนของประเทศยังเย็นพอที่หิมะจะตกลงบนยอดเขาที่สูงที่สุด สำหรับโมร็อกโกยังคงมีฝนตก คริสมาสต์เป็นเวลาที่วุ่นวายในการหาจองโรงแรมและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ และอุณหภูมิที่น่าพอใจสูงกว่า 50 องศาฟาเรนไฮต์ (10 องศาเซลเซียส) ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

สิ่งที่ต้องเตรียม: คุณไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อกันหนาวเว้นแต่ว่าคุณกำลังเยี่ยมชมบริเวณที่มีหิมะปกคลุมของเทือกเขาแอตลาส แต่แนะนำให้นำเสื้อสเวตเตอร์เสื้อแขนยาวและเสื้อคลุมทับเพื่อรองรับวันที่อากาศอบอุ่นและเย็นกว่า คุณอาจต้องการใส่เสื้อกันฝนและควรนำรองเท้ากันน้ำมาด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณวางแผนที่จะออกไปเที่ยวชมนอกสถานที่

สภาพอากาศและฤดูกาลในโมร็อคโค

รีวิวโมร็อคโค พาเที่ยวเมืองเก๋ ขี่อูฐนอนค้างในทะเลทรายซาฮาร่า สัมผัสความแตกต่างที่น่าหลงไหล

Blog_cover

คำนิยามสั้นๆของโมร็อคโคสำหรับเราคือ “ ดี ดีมาก ดีที่สุด ” ด้วยความที่เราหลงใหลความแปลกใหม่ วัฒนธรรมที่ไม่ใช่เอเชียและยุโรป รวมทั้งหนึ่งในความฝันของเราคือการไปเยือนทะเลทรายซาฮาร่า รีวิวนี้จะพาเพื่อนบินไปพร้อมกันไปสัมผัส The land of contrast ด้วยกันกับเรา

เราเชื่อว่าทุกคนรู้จัก ทะเลทรายซาฮาร่า ได้ยินมาแต่เด็กน้อย แต่ประเทศ โมร็อคโค” สำหรับเราไม่เคยอยู่ในหัวจนมีเพื่อนฟิลิปปินส์ที่เดินทางมารอบโลกบอกเราว่า “เป็นประเทศที่เค้าชอบที่สุด” เราก็จำฝังหัวเอาไว้ว่ามันใช่ ทันทีที่ได้รับสายคำชวนจาก AIS Serenade ชวนเราไปโมร็อคโคกับ Serenade Exclusive Trip เราตอบตกลงทันทีแบบไม่ต้องคิด

“ไปครับ”

ข้อมูลเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนไปโมร็อคโค

  • โมร็อคโค อยู่ในทวีปแอฟริกาเหนือ อยู่ติดกับประเทศสเปนเพียงแค่ทะเลกั้น
  • คนไทยต้องทำวีซ่า มีสถานทูตในไทยสามารถจ้างคนไปยื่นได้ไม่ต้องไปด้วยตัวเอง
  • ใช้สกุลเงินของตัวเอง Dirham ให้แลกเงิน Euro หรือ USD ไปค่อยไปแลกที่โน้น
  • อากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ฤดูกาลของเดือนใกล้เคียงยุโรป ( ก็มันติดกัน… )
  • เวลาห่างจากไทย 7 ชั่วโมง ( GMT+0 )
  • เป็นประเทศมุสลิม ดังนั้นการแต่งกายควรสุภาพแต่ไม่ถึงขนาดต้องคลุมผ้า
  • AIS Data Roaming ผมใช้งานได้ดีตลอดทริป มีสัญญาณหายเฉพาะตอนเข้าไปทะเลทรายลึกๆ
  • อาหารค่อนข้างเป็นไปทางแขก แนะนำให้เตรียมอาหารไทยไปให้พร้อม

DAY 1 : Bangkok – Doha – Casablanca – Marrakech

เริ่มต้นความพิเศษตั้งแต่ก้าวออกจากบ้าน! รอบนี้ไม่ง้อแท็กซี่เพราะเค้าส่งรถลิมูซีนมารับถึงบ้านกันทุกคน โอ้โห! นั่งสวยๆหล่อๆกันไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ตามที่นัดแนะ พอลากกระเป๋ามาถึงพนักงานก็แบบจัดแจงทุกอย่างให้เสร็จสรรพ! มีหน้าที่แค่เดินไปแสดงตัวว่าอันนี้กระเป๋าตัวเองที่จะโหลดไปแค่นั้นล่ะ

Morocco_00001
Morocco_00002
Morocco_00003

สำหรับทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Qatar Airways นะซึ่งแน่นอนว่าต้องไป Stop over กันที่ Doha เล็กน้อยจากนั้นบินต่อไปลงที่เมืองหลักเค้าคือ Casablanca และนั่งอยู่บนเครื่องเดิมนั่นแหละไม่ต้องลง แล้วก็บินอีกครั้งสู่เมือง Marrakech เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโมร็อคโค กัน สิริเวลาตั้งแต่ออกจากไทยจนถึงปลายทางก็ไม่นานเลยครับ 21 ชั่วโมง !!!!!!!!!!!! คุณพระบินอะไรกันข้ามคืนข้ามวันขนาดนั้น

Morocco_00004
Morocco_00005

DAY 2 : Marrakech

หลังจากการบินอันหนักหน่วงเรามาถึงมาราเกรซกันตอนเย็นๆแล้วครับดังนั้นวันนี้ก็เลยไม่มีอะไรมากเข้าพักที่โรงแรม Mövenpick Hotel Mansour Eddahbi Marrakech ซึ่งโรงแรมที่ทาง AIS Serenade เลือกก็จะเป็นสไตล์โมร็อคโคหน่อยๆให้เราได้เข้าถึงกันมากขึ้น

Morocco_00006
Morocco_00007
Morocco_00008

ส่วนของโรงแรมก็สวยงาม มีอุปกรณ์ครบครัน ห้องดี สมชื่อโรงแรม Mövenpick นะครับ

Morocco_00010
Morocco_00011

และความ surprise แรกก็เกิดขึ้นเมื่อผมเข้าห้องนอนก็เจอกล่อง AIS Serenade วางไว้บนเตียงที่ทำให้การท่องเที่ยวสะดวกขึ้นคือพวก Universal adapter พร้อมแท่นชาร์จ USB อีกชุด  (ซึงแต่ละวันนี่มีของมา surprise กันทุกวันเลย ประทับใจมาก )

Morocco_00012
Morocco_00013

Day 3 :  Marrakech

ทานเข้าเช้าที่โรงแรมแล้ววันนี้เราจะเที่ยวตัวเมือง Marrakech กันที่ได้ชื่อว่าเป็นนครสีชมพู เมืองท่องเที่ยวที่ดังที่สุดของโมร็อคโค เป็นที่ๆรวมความเก๋ เท่ห์ ชิค และลวดลายศิลปะที่ดังไปทั่วโลก  มาราเกรซนี่ถือว่าเจริญมากๆเลยนะ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยคล้ายๆยุโรปเลยแต่ก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนในความเป็นโมร็อคโค

Morocco_00014
Morocco_00015
Morocco_00016
Morocco_00017
Morocco_00018

และจุดแรก Landmark ที่ทุกคนต้องไปเยือนคือ มัสยิดคูโทเบีย ( Koutoubia Mosque ) มัสยิดเก่าแก่ที่มีหอคอยสูงเด่นที่นี่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “อนุสรณ์มุสลิมที่สมบูรณ์ที่สุดในแอฟริกาเหนือ” และเป็นต้นแบบของมัสยิดทั้งโมร็อคโคอีกด้วยครับ

Morocco_00024

จากนั้นเราไปต่อที่ พระราชวังบาเฮีย Bahia Palace พระราชวังของมหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เค้าตั้งใจให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราในสมัยนั้น ภายในก็จะตกแต่งด้วยปูนปั้นแกะสลักและการวาดลวดลายบนไม้ รวมทั้งประดับประดาด้วยโมเสกที่มีลวดลายสวยงาม  ซึ่งผมว่าที่นี่จะศิลปะคล้ายๆสเปนตอนใต้ที่ผมไปมาเลยครับ ( ก็สเปนใต้ก็ติดกับโมร็อคโคเลย )

Morocco_00019
Morocco_00020
Morocco_00021
Morocco_00022
Morocco_00023

และเนื่องจากอาหารโมร็อคโคก็จะทานยาก(มาก) จะเป็นแนวอาหารแขกน่ะครับซึ่งทาง AIS Serenade ก็ไปสรรหาร้านอาหารไทยมาให้เราจนได้ ก็เลยได้กินอาหารไทย โดยเชฟคนไทย ได้อิ่มอร่อยเติมพลังกัน

Morocco_00025
Morocco_00026
Morocco_00027

ส่วนช่วงบ่ายก็ได้เวลาสำรวจตลาดขนาดยักษ์ที่ Djemaa El Fna บอกเลยว่าเด็ดมาก! ถ้ามาเที่ยวโมร็อคโคแล้วไม่ได้เดินตลาดถือว่าผิด!!!!!!  ตลาดที่นี่เค้าจะเรียกว่า ซุก ( SOUK ) ให้นึกภาพตามว่าเหมือนเราเดินเล่นในจตุจักรแล้วกันก็จะมีของขายหลายสิ่ง หลักๆก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า เครื่องใช้ เครื่องหนัง ในสไตล์โมร็อคโคครับ ช็อปปิ้งกันเพลินมากกกกกกกกกกกกกกก

ท่องแดนโมร็อกโก สนุกแบบไม่ตั้งใจ

ท่องแดนโมร็อกโก สนุกแบบไม่ตั้งใจ

จุดเริ่มต้นของการออกเดินทาง แต่ละคนนั้นมีที่มาต่างกัน

สำหรับ น้ำผึ้ง กานต์พิชชา พิชยศ สาววัย 24 ปี ซึ่งมีคุณแม่(ไพลิน พิชยศ)เป็นนักเดินทางตัวยง รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดตอนตั้งท้องน้ำผึ้ง คุณพ่อต้องสั่งห้ามไม่ให้เดินทาง ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่เธอคนนี้มี DNA ของการเดินทางอยู่ในชีวิตจิตใจ

เห็นว่าเพิ่งมีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก

ใช่คะ หนังเรื่อง รักโง่โง่ เล่นกับพี่โตโน่เดอะสตาร์ ตอนนี้รอหนังอีกเรื่อง คุยกับผู้กำกับ พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์ ไว้แล้วตอนนี้เขากำลังเขียนบทอยู่ อีกอย่างน้ำผึ้งกำลังรอให้ผมยาว ซึ่งทีแรกเป็นคนที่ผมยาวถึงกลางหลังเลย พอเล่นหนังเรื่องรักโง่โง่ ต้องตัดผม กลายเป็นคนผมสั้น เวลารับงานก็ไม่สามารถรับงานได้หลากหลายในช่วงนี้ เพราะผมสั้นมาก

น้ำผึ้งเข้าสู่วงการได้อย่างไร

เริ่มจากงานเดินแบบค่ะ ความจริงน้ำผึ้งไม่ได้เป็นคนที่หน้าตาดีเลยนะ มาได้ตรงที่ตัวสูง (หัวเราะ) ตอนม.ปลาย (โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี) ไปเรียนพิเศษแถวๆ สยามสแควร์ กำลังเดินอยู่ตามถนนก็มีพี่คนหนึ่งมาชวนเข้าวงการเราก็ไม่กล้า ตอนนั้นยังไม่เคยทำงานอะไรเลย แต่ได้มาสตาร์ททำงานจริงๆ กล้ารับงานก็ตอนเรียนอยู่ปี 2 ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง (คณะมนุษยศาสตร์ สื่อสารมวลชน) แล้วคะ แล้วเริ่มสตาร์ทงานเดินแบบก่อนเพราะไปรู้จักรุ่นพี่ที่เขาเป็นเจ้าของบริษัทออแกนไนซ์ เห็นว่าเราตัวสูงก็เลยจับไปแต่งตัวเดินแบบ ปี 2552 ก็ไปประกวดนางสาวไทย ติด 1 ใน 10 และได้รางวัลนางงามผิวสวยด้วยคะ

เลยทำให้เรามีโอกาสได้แสดงหนัง?

พอเราผ่านเวทีประกวดนางงามก็ทำให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะก่อนหน้านั้นเราเป็นคนที่ไม่มั่นใจเลย พอมีตำแหน่งมีอะไรก็โอเค ก็เลยไปเข้าประกวดเวที ดิแอคติ้งควีนส์ เข้ารอบสุดท้าย เหมือนเป็นเวทีที่ปูทางให้เราได้เจอกับผู้กำกับหนังเรื่องนี้ ชวนให้ไปแคสหนัง พี่ปุ๊กเขาเป็นคนที่ชอบอะไรที่เพียวมาก เพราะน้ำผึ้งไม่เคยแสดงหนัง ไม่เคยแสดงละคร และไม่เคยเรียนแอคติ้งมาก่อน เขาบอกว่าชอบตรงที่เราดูตื่นเต้น

ได้ข่าวว่าตัวจริงของน้ำผึ้งเป็นคนที่ชอบเดินทางมาก?

ใช่คะ น้ำผึ้งเป็นคนชอบเที่ยว (ยิ้มหวาน) เที่ยวมาตั้งแต่จำความได้ น่าจะตามคุณแม่ เพราะคุณแม่เล่าให้ฟังว่าชอบเที่ยวมากจนท้องน้ำผึ้งคุณพ่อก็ห้ามไม่ให้เดินทาง ภาพที่เราจำได้และติดมาตั้งแต่เด็กคือ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ คุณแม่ก็จะพาออกเดินทางไปต่างจังหวัด เหมือนวันหยุดปั๊บเราต้องเที่ยว ติดมาจนเป็นนิสัย อย่างน้อยได้ออกจากบ้านไปเดินตามห้างฯ เราก็ถือว่าเที่ยวแล้ว (หัวเราะ)

น้ำผึ้งชอบเที่ยวที่ไหน

ส่วนมากน้ำผึ้งก็จะเที่ยวในประเทศ เพิ่งจะไม่กี่ปีมานี้ที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ส่วนมากก็ไปกับเพื่อนๆ ที่แรกเลยเป็นฮ่องกง ไปกับน้องสาว เพราะมีคุณป้ากับคุณลุงเป็นเชฟอยู่ที่นั่น ตื่นเต้นมาก กลัวด้วยกลัวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง แต่ก็อายุ 19 ปีแล้วนะเราพูดภาษาอังกฤษไม่แข็ง พาน้องไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ พอไปเที่ยวแล้วตื่นเต้นกับทุกอย่างที่ไปเห็น โอเชี่ยนปาร์คก็ตื่นเต้นมาก ไปฮ่องกงมา 2 ครั้งแล้ว จากนั้นก็ไปเที่ยวเกาหลี เพราะจะทำธุรกิจเสื้อผ้ากับเพื่อนก็เลยไปหาซื้อเสื้อผ้ามาขาย แต่ก็ไปไม่รอดกับธุรกิจนี้ (หัวเราะ)

ล่าสุดเห็นว่าเพิ่งกลับจากโมร็อคโก?

ใช่คะ ความจริงประเทศนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเลย เพราะดูเป็นประเทศมีอารยธรรม น้ำผึ้งเป็นคนที่ชอบเมืองแฟชั่นมากกว่า แต่ทริปนี้พวกคุณป้าคุณอาเขาจัดกัน เขาอายุ 50-60 กันแล้วนะคะ เขาเหมือนกับอยากไปศึกษาอารยธรรม เป็นญาติๆ กัน มีเพื่อนป้า ไปทั้งหมด 18 วัน ค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณแสนหกหมื่น ถือว่าคุ้ม ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะสนุก ตอนแรกเขามาชวนก็คิดว่าจะไม่ไป พอคิดอีกทีถ้าเราไม่ไปก็คงไม่มีโอกาสไป เพราะเป็นประเทศที่เราคงไม่คิดจะไป

ประทับใจประเทศนี้ตรงไหน

เป็นเมืองที่สวยมาก พอได้เห็นอารยธรรมของที่นั่นแล้วก็ชอบ คิดว่าคงเหมือนฝรั่งมาเห็นวัดบ้านเรา พอเราเห็นสุเหร่าของแต่ละเมืองก็ประทับใจมาก อากาศบ้านเขาเป็นหน้าหนาวพอดี ก็คือเมื่อธันวาคมที่ผ่านมานี่เอง มีโอกาสไปนั่งอูฐที่ทะเลทรายเป็นอากาศที่ร้อนมากและหนาวมาก กลางคืนอากาศติดลบ ถ้าร่างกายไม่ฟิตจริงๆ จะป่วยได้ น้ำผึ้งก็ไม่สบายตอนที่อยู่ที่โน่น กลับมาก็ไม่สบายอีก ป้าๆ ที่ไปก็ไม่สบายกันเยอะ มีทั้งฝน ร้อนหนาวในวันเดียวกัน

ตกลงชอบตรงไหนของโมร็อคโก

อย่างแรกที่ประทับใจคืออูฐ เราฝันว่าชีวิตหนึ่งอยากนั่งอูฐ พอได้นั้งแล้วประทับใจมากกว่าที่คิดไว้อีก ได้นั่งอูฐทั่งวันเลย เพระเดินทางไกล ตอนขึ้นเหมือนเราขึ้นช้างพอเดินเขาจะแข็งแรงเดินหนักกว่าช้างอีกเพราะต้องย่ำไปในทะเลทราย ป้าๆ ที่ไปกับน้ำผึ้งเขาแข็งแรงกว่าเพราะเขาเที่ยวเป็นอาชีพอยู่แล้ว อีกอันที่ประทับใจคือแพะ ที่ขึ้นไปอยู่บนต้นอารากั้นออย เป็นต้นไม้แห้งๆ ชนิดหนึ่ง ความสูงเท่าต้นฝรั่งบ้านเรา ลำต้นหนาๆ แตกกิ่งก้านออกมา แพะขึ้นไปยืนบนต้นไม้ เห็นได้ที่ประเทศนี้และตรงนี้ ต้นไม้ชนิดนี้มีทั้งหมดในโลกแค่ 200 ต้น แต่ 3 ต้นมีแพะอยู่เต็มเลย เพื่อไปกินผลของอารากั้นออย มันยืนเกร็งบนลำต้น เราตบมือเรียกมัน ยิ่งเกร็งเพราะมันกลัวตกลงมา ตลกมากๆ

อีกแห่งหนึ่งก็คือ ตลาดมาราเกรซ คล้ายๆ ตลาดมืดบ้านเรา วางของขายเกลื่อนเลย เห็นแล้วตื่นเต้นมาก ของบ้านเขาก็ไม่มีอะไรหรอก มีแต่โคมไฟ พรม จะมีของเพ้นท์เป็นลายสวยๆ น้ำผึ้งซื้อไหเล็กๆ เพ้นท์สวยๆ มาให้แม่ แล้วที่นั่นก็มีงูเห่าตัวใหญ่ๆ งูมันเหมือนเหนื่อยๆ นอนอยู่เฉยๆ น้ำผึ้งขอเข้าไปถ่ายรูป ซึ่งไกด์เตือนไว้แล้วว่าคนที่นี่เขาจะโกงนะ ตอนแรกตกลงไปว่า 50 บาท พอถ่ายเสร็จเขาจะเอา 300 บาท ถ้าไปตลาดนี้ต้องระวังนิดหนึ่ง

อาหารการกินเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าใครชอบอาหารมุสลิมก็คงสบาย เขาจะมีไก่ทาจีน ถามว่ากินได้ไหม ก็คือกินได้ แต่ที่นี่จะมีเนื้อแกะ เนื้อแพะเยอะแต่เราไม่กินเนื้อสัตว์หนักๆ ขนาดนี้ กินได้แต่ขนมปังกับไก่ทาจีน แล้วก็เอาน้ำพริกที่พกไปด้วยคลุกกินด้วยกัน ข้าวที่นั่นจะเม็ดเล็กๆ เรียกว่าข้าวคูสคูส มีทุกมื้อ อยู่ 18 วัน วันละ 3 มื้อ ต้องพึ่งมาม่าบ้าง และกลายเป็นคนชอบน้ำพริกไปเลย อยู่เมืองไทยไม่ค่อยกินน้ำพริก แต่กลับมาเลยกลายเป็นคนชอบน้ำพริกไปเลย(หัวเราะ)

ถ้ามีคนชวนไปเที่ยวโมร็อคโกอีกจะไปไหม

ไปได้นะคะ แต่ต้องมีการเตรียมพร้อมยิ่งกว่านี้ คือต้องเตรียมมาม่า น้ำพริก ซอส ทุกอย่างที่ปรุงง่ายๆ ติดตัวไป ซุปไก่ก้อนนี่ช่วยได้เหมือนกัน วันที่ไปนอนทะเลทรายจะมีคนจูงอูฐกางเต้นท์ให้เรานอนและทำอาหารให้เรากิน เราก็ไปดูเขาปรุงอาหาร พอเขาจะใส่เครื่องเทศทุกคนก็บรีบห้ามบอกว่าโนๆๆ เพราะอาหารในโรงแรมเราห้ามเขาไม่ได้เขาปรุงมาแล้ว แต่นี่เราเห็นเขาปรุงก็เลยรีบห้าม แล้วให้เขาใส่ซุปก้อนลงไปในโจ๊กข้าวคูสคูส เราก็ทำเป็นเนียนคุยกับเขาว่าจะช่วยทำอาหาร อยากอยู่แบบนั้นไม่อยากเข้าเมืองไปเจอไก่ทาจีน กับข้าวคูสคูสในเมืองเลย

มีวิธีเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนเดินทาง โดยเฉพาะกระเป๋าเสื้อผ้า?

ตอนไปน้ำผึ้งแทบจะซื้อเสื้อผ้าใหม่หมดเลยเพราะประเทศนี้เขาค่อนข้างปิด ต้องแต่งตัวมิดชิดห้ามนุ่งกางเกงขาสั้น ขาเดฟ ซึ่งเรามีแต่เสื้อผ้าแบบนี้ ก็เลยต้องไปชอปปิงซื้อเสื้อผ้าใหม่หมดเลย และอากาศค่อนข้างหนาวก็ต้องซื้อเสื้อกันหนาวแบบหนาๆ เราเอากางเกงจินนี่ เสื้อระบายไปใส่ ปรากฎว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาไม่ใส่กันที่นั่น แต่เราไม่รู้ไง

ประเทศที่น้ำผึ้งใฝ่ฝันจะไปเที่ยวคือประเทศอะไร

แถบยุโรปค่ะ อิตาลี ฝรั่งเศส ที่น่าเจ็บใจคือประเทศที่เราไปก็อยู่ติดๆ กัน แต่เราไม่สามารถข้ามไปเที่ยวได้ ห่างกันประมาณ 20 กิโลเมตรเอง เห็นหลังคายุโรปแต่ข้ามไปไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรประเทศที่เราไปก็น่าสนใจไม่น่าเบื่อ ลำบากแค่อาหารการกินอย่างเดียวเท่านั้นเอง

แล้วอนาคตอันใกล้นี้วางแผนจะไปเที่ยวที่ไหน

น่าจะเป็นญี่ปุ่นนะคะ เพราะเป็นประเทศแรกๆ ที่อยากไปที่สุด แต่มาคิดว่าค่าใช้จ่ายสูงกว่าประเทศเกาหลีและฮ่องกง ก็เลยพาน้องสาวไปเที่ยวฮ่องกงก่อน คิดว่าต่อไปจะเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว อยากเจอหิมะ อยากเล่นสกี อยากไปหน้าหนาวที่ญี่ปุ่นค่ะ อยากไปทริปตกปลาทะเลที่เขาไปอยู่ตรงที่มีรหิมะตลอดทั้งวันทั้งคืน เพราะเป็นคนชอบผจญภัยเข้าป่า อยากไปเที่ยวป่าอเมซอน น้ำผึ้งเป็นคนแนวนั้น

5 ที่พักสไตล์โมร็อกโกริมทะเล ดีไซน์เก๋ไก๋โดนใจสายชิค บรรยากาศโคตรโรแมนติก

Morocco ประเทศแห่งทะเลทรายซาฮารา ดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของทวีปแอฟริกา ที่มีอารยธรรมเก่าแก่โบราณ ใกล้ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและด้วยความโดดเด่นของทางเข้าเมืองเก่าประตูสีฟ้า Blue Gate ศิลปะของชาวอิสลาม ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบ งานเซลลิจฟ้าสลับขาวสวยงาม ประตูบานโค้งนี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของโมร็อกโกอันวิจิตรบรรจง จนหลากหลายสถานที่นำมาสร้างเป็นที่พัก รีสอร์ท และเมื่อได้มองเห็นประตูโค้งทรงนี้จะต้องนึกถึงประเทศโมร็อกโกทันที วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จึงเสาะหาที่พักที่ยกเอาโมร็อกโกมาไว้ให้คุณในประเทศไทยแล้ว บอกเลยแต่ละที่นั้นสวยงามและออกแบบได้วิจิตรบรรจงไม่แพ้ประเทศโมร็อกโกเลยทีเดียว

1.วิลล่า มาร็อก รีสอร์ท, ประจวบคีรีขันธ์
(Villa Maroc Resort)

เริ่มต้นด้วยที่พักที่เมื่อก้าวเท้าเข้ามาแล้ว เหมือนหลุดเข้ามาสู่โมร็อกโก ด้วยการออกแบบอาคารสีสันเจิดจรัส และห้องพักที่ถ่ายทอดเอาสถาปัตยกรรมและศิลปะอันสวยงามทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งการใช้ประตูทรงโค้งอันเป็นเอกลักษณ์ และความสวยงามของโมร็อกโกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของโรงแรมก็เหมือนอยู่โมร็อกโก ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 15 ห้อง 5 รูมไทป์ ได้แก่ Pool Courts, Pool Villas, One-Bedroom Villa, Two-Bedroom Villa และRoyal Villas มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และเฟอร์นิเจอร์อันหรูหรา พร้อมสระว่ายน้ำริมชายหาด

VillaMaroc-01
VillaMaroc-01
VillaMaroc-01

2.มาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา
(Marrakesh Hua Hin Resort & Spa Hotel)

ต่อด้วยอีกหนึ่งที่พักที่ใช้ชื่อ “มาราเกซ” เมืองท่องเที่ยวริมทะเลในประเทศโมร็อกโก ที่ได้ฉายาว่า “City of Red” หนึ่งในเมืองที่มีสีสันสดใส สร้างด้วยดินสีแดง ที่นี่จึงดึงเอาเอกลักษณ์อันโดดเด่นมาผสมผสานกับสไตล์ Neo-Morocco จนได้เป็นรสอร์ทที่อบอวลไปด้วยบรรยายาศแห่งโมร็อกโก โดยที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 โซน ตั้งอยู่คนละตึกใช้ชื่อได้เข้าธีมทะเลทรายมากๆ มีห้องพักทั้งหมด 7 แบบ 2 โทนโดยใช้สีตามความเชื่อของชาวอาหรับในเรื่องแสงแดดและท้องทะเล ได้แก่ สีแดงและสีน้ำเงิน ภายในห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งในสไตล์อาหรับและแฝงไปด้วยกลิ่นอายของโมร็อกโก ห้องพักมีระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบ 180 องศา มาพร้อมสระว่ายน้ำยาวไปจนถึงชายหาด ให้คุณได้เล่นน้ำพร้อมกับชมวิวท้องทะเลสีฟ้าคราม และยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ เช่น การทำสปาสไตล์โมร็อกโก คลาสทำขนม-อาหาร คลาสโยคะ และช่วงบ่ายๆ จิบชา Afternoon Tea มาเยือนที่นี่แล้วได้ครบจริงๆ

Marrakesh_2
Marrakesh_2

Location: ซอยหัวหิน 83/1-85 ถนนเพชรเกษม อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
Price: ราคาเริ่มต้น 3,700 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 032 616 777
Facebook: Marrakesh Hua Hin Resort & Spa
Website: Marrakesh Hua Hin Resort & Spa

3.อัล เมดินา บีช เฮ้าส์, จันทบุรี
(Al Medina Beach House)

“Al Medina Beach House” มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโกจากชื่อเมืองเก่าในประเทศโมร็อกโกกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรีสอร์ท โดยใช้ชื่อเมือง “Medina” มาเป็นชื่อรีสอร์ท ด้วยการตกแต่งรีสอร์ทที่หยิบเอาคงามงามของสถาปัตยกรรมอินเดียผสมผสานกับความเป็นเมดิเตอร์เรเนียน แต่เลือกใช้สีอาคารสีขาวโทนอ่อน ให้ความรู้สึกเรียบหรู มีห้องพักทั้งหมด 9 ห้อง โดยตั้งชื่อตามชื่อเมืองต่างๆ ในโมร็อกโก คือ Marrakech, Fez, Casablanca, Essaouira, Asilah, Tangier, Rabat, Meknes และSale โดยแต่ละห้องได้วิวที่แตกต่างกันอย่างห้อง Marrakech ที่สามารถชมวิวได้ถึง 3 ด้าน ทั้งวิวพระอาทิตย์ตกลับขอบทะเล วิวภูเขาสีเขียวชอุ่ม และวิวท้องทะเลสีคราม สำหรับใครชอบห้องพักที่ได้วิวดีดีแบบนี้แนะนำเลยค่ะ

Al-Medina_1
Al-Medina_1
Al-Medina_1


Location: 
99 หมู่ 7 หาดคุ้งวิมาน ต.คลองขุด อ.นายายอาม จ.จันทบุรี
Price: ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 085 334 3555, 085 155 3333
Facebook: Al Medina Beach House

4.ริยาจ หัวหิน โฮเทล
(Riad Hua Hin Hotel)

“Riad Hua Hin Hotel” ริยาจในภาษาอาหรับ หมายถึง ที่พักที่ซึ่งลรายล้อมไปด้วยต้นไม้และธรรมชาติ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมสไตล์โมร็อกโกผสมผสานความเป็นเมดิเตอร์เรเนียนด้วยอาคารสีเหลืองสดใส มีห้องพักทั้งหมด 12 ห้อง 3 รูมไทป์ ได้แก่ แมวนอน แมวนั่ง และแมวยืน โดยแต่ละห้องมองเห็นวิวแตกต่างกันออกไป ห้องที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่คือ ห้องแมวนอน ซึ่งอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ พร้อมจากุชชี่ให้คุณได้นอนแช่ตัวอย่างสบายอุรา ภายในกว้างขวาง โปร่ง โล่งสบาย มีระเบียงให้คุณได้ออกมาถ่ายรูป ชมวิวท้องทะเลเขาตะเกียบได้แบบ 180 องศา

Riad_2
Riad_2

Location: 75 หมู่บ้านหัวดอน ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
Price: ราคาเริ่มต้น 2,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 089 899 7979
Facebook: Riad Hua Hin hotel

5.บ้านมนตรา บีช รีสอร์ท, ประจวบคีรีขันธ์
(Baan Montra Beach)

ปิดท้ายด้วยรีสอร์ทเล็กๆ ที่ใช้ชื่อไทยๆ แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของโมร็อกโก ที่มีบ้านพักแบบวิลล่าทั้งหมด 18 หลัง 4 แบบ คือ Studio Poolside Villa, Family Poolside,  Beach Front Villa และ Ocean View Villa วิลล่าแต่ละหลังแยกส่วนกันที่ไม่ว่าคุณจะมาสวีทกับแฟน หรือพาครอบครัวมาเที่ยวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ทั้งยังมีระเบียงและดาดฟ้าให้นั่งชมวิวได้แบบ 360 องศา และมีสระว่ายน้ำ ร้านอาหารวิวทะเลให้คุณได้นั่งรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก ไม่ว่าใครได้มาเยือนที่นี่ก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน

baanmontra-beach15
baanmontra-beach9

Location: 333/1 หมู่ 3 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
Price: ราคาเริ่มต้น 2,400-3,800 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 089 519 0770
Facebook: บ้านมนตรา บีช รีสอร์ท,หาดบ้านกรูด : Baanmontra Beach Resort
Website: Baanmontra Beach Resort

สัมผัสโมร็อคโคสไตล์ ที่ Villa Maroc Resort

สัมผัสโมร็อคโคสไตล์  ที่ Villa Maroc Resort วันนี้มีอีกหนึ่งที่พักมาแนะนำกัน จริงๆ ที่นี่ไม่ได้เป็นโรงแรมใหม่พึ่งเปิดหรอก  แต่เป็นโรงแรมที่นุ้ยชอบมากนุ้ยชอบที่พักริมทะเล นุ้ยชอบที่พักที่มีดีไซน์เก๋ๆ ไม่ซ้ำใคร โรงแรมนี้ชื่อว่า Villa Maroc  เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ริมทะเลปราณบุรี  ห่างจากรุงเทพเพียงไม่กี่ชั่วโมง และที่สำคัญ Villa Maroc เป็นโรงแรมที่ดีไซน์สไตล์มาร็อคโคให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่ในดินแดนที่แตกต่าง …….เพราะฉะนั้น เพื่อนไม่ควรพลาดที่จะอ่านรีวิวนี้ให้จบ มาสัมผัสโมร็อคโคไปพร้อมๆ กัน ว่าเป็นยังไง

นุ้ยจะไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เยอะแยะมากมายน๊า เพราะนุ้ยจะพาทุกคนไปสัมผัสทุกซอกทุกมุม เท่าที่จะทำได้นุ้ยใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพแค่ประมาณ 3 ชม.นิด แต่เหมือนเจอโลกอีกใบมาถึงที่วิลล่ามาร็อค ตอนประมาณ บ่ายโมงกว่าๆจุดแรกที่เราได้เจอคือล็อบบี้   จะเป็นห้องโล่งๆ เพดานสูงมาก เป็นห้องแบบโอเพ่นแอร์ แต่กลับแปลกที่ไม่ร้อนเลยสักนิด

ทางเดินไปห้องพัก เป็นทางเดินยาวๆ  เป็นเหมือนซุ้มประตูซึ่งบริเวณนี้จะเป็นทางผ่านสระว่ายน้ำ และทางเดินลงหน้าด้วยตลอดทางที่เดินไปห้อง  นุ้ยตื่นเต้นกับทุกมุม  กวาดสายตาไปทั่ว ๆจดบันทึกไว้ในสมอง .. ฉันต้องมาถ่ายมุมนี้  มุนนี้ก็ห้ามพลาด

ผ่านสระว่ายน้ำมา เราจะเข้าสู่โซนที่พักกันจริงๆ แล้ว

ที่นี้จะมีห้องทั้งหมด 6 แบบ รวม 15 ห้อง

แบบแรก เป็นแบบเริ่มต้น ชื่อว่า พูลคอร์ท 

แบบที่สอง แบบพูลวิลล่า 

แบบที่สาม  วิลล่า 1  ห้องนอน

แบบที่สี่ วิลล่า 2  ห้องนอน

แบบที่ห้า โรยัล วิลล่า 1 ห้องนอน

แบบที่หก โรยัล วิลล่า 2 ห้องนอน

เพียงแค่เปิดประตูเข้ามานุ้ยก็ร้องว้าวเลยในทันที

นี่เป็นเพียงแค่ห้องเริ่มต้น แต่ทำไมสวยได้ขนาดนี้

เราคงไม่ต้องบอกแล้วใช่มั๊ยว่าการตกแต่งเป็นแนวโมร็อคโค

ห้องนี้จะใช้โทนสีขาว ตัดด้วยสีน้ำเงินของขอบหน้าต่าง บานประตู

ห้องน้ำก็กว้าง และสวย เมื่อเข้ามาโซนแรก จะเป็นโซนของ อ่างอาบน้ำ และอ่างหน้าหน้า กระจกบานใหญ่

ถัดไปจะเป็นห้องชำระ  และห้องอาบน้ำ

ทุกสัดส่วนดูหรูหรา ข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นไม่หลุดคอนเซ็ปต์โมร็อคโคเลยสักนิด

เราสามารถมองลงมาจากระเบียงห้องได้เลย

หรือนั่งริมสระว่ายน้ำแบบนี้ก็ชิลล์ไม่ใช่เล่นเลยนะ

มาดูหน้าตาอาหารกันบ้างดีกว่า

วันนี้นุ้ยเลือกทาน moroccan set  มีแอบลุ้นรสชาติว่าจะรอดมั๊ย จะกินได้มั๊ยหนอ?

เริ่มกันที่  Mezze Platter

เป็นแป้งพิต้าอบใหม่ เสิร์ฟมาพร้อมดิพสไตล์โมร็อกโก

แป้งอร่อยดีน๊า   ดิฟส์ก็มีหลายแบบ เมนูนี้อร่อย ให้ผ่านจ้า

ต่อกันเลยที่ Harira Soup

ลุ้นหนักมากกับชามนี้ ซุปมะเขือเทศและผักรวม

พอกินแล้วรสชาติคล้ายๆ ต้มยำน้ำข้นที่ไม่เปรี้ยว และใส่ซอสมะเขือเทศลงไป อะไรประมาณนั้นเลย

กลิ่นเครื่องเทศไม่แรง

เมนูนี้คืออาหารจานหลัก ในเซ็ต จะมีให้เลือก 4 แบบ ทั้งไก่ ขาแกะ ซีฟู๊ด และผัก

นุ้ยเลือกเป็นซีฟู้ด  ชื่อว่า Seafood Tagine

เป็นอาหารทะเลอบสไตล์โมร็อกโก เสิร์ฟมาพร้อมกับคูสคูสผัดเนย (หรือข้าวของโมร็อกโกผัดเนย)

ปิดท้ายด้วย Muhallabia

พุดดิ้งนมกลิ่นกุหลาบ อร่อยหอมๆ นุ่มๆ มันๆ ทานคู่กับชา  อร่อยเลยหล่ะ

ขอบอกว่าต้องลองเลยสำหรับอาหารเซ็ตนี้  มาถึงดินแดนโมร็อกโก ก็ต้องลองใช่ม่ะ

ช่วงเวลาที่เหลือก็เป็นการดื่มด่ำกับบรรยากาศโรแมนติ๊ก โรแมนติก ริมทะเลต่อไปเรื่อยๆ

ทางเดินกลับไปห้องพัก  ค่ำคืนนี้ดูพิเศษจัง  ชอบบรรยากาศแบบนี้

ชอบความรู้สึกแบบนี้ ชอบที่นี่

นอกจากบรรยากาศความเป็นโมร็อกโกแล้ว

สิ่งที่นุ้ยชอบมากที่สุดอีกอย่างของที่นี้ คือการตื่นมานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า

จะว่าไปมันก็นานมากๆ แล้ว ที่ไม่ได้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้

ส่วนใหญ่นุ้ยจะเจอแต่ที่พัก นั่งดูแสงเย็น  แต่ที่นี้คือแสงเช้า  การตื่นเช้า เหมือนได้รับพลัง

จากริมระเบียงห้องพัก ของนุ้ยเอง

เพื่อความชิลล์มากขึ้น รับลมทะเลเบาๆ ยามเช้า แสงอ่อนๆ นุ้ยขึ้นมานั่งเล่นบนดาดฟ้า

และลงไปเดินเล่นริมทะเล

นุ้ยว่าความรู้สึกเหล่านี้ เราไม่มีทางถ่ายทอดออกมาได้หมด

ทุกอย่างต้องมาเจอมาด้วยตัวเองเนอะ

ริมสระว่ายน้ำกลางของโรงแรม

บรรยากาศแบบนี้ไม่ต้องไปให้ไกลถึงต่างประเทศ

แค่ปราณบุรี ก็สวยบาดตาบาดใจแล้ว

มุมไหนๆ ก็สวย  ถ่ายรูปเล่นกันให้เพลินไปเลยจ้า 

จนได้เวลาอาหารเช้า  … อาจเป็นเพราะ เดินเยอะไปหน่อย ถ่ายรูปหนักไปนิด 

จัดหนักเลยค่ะ .. มื้อเช้าไม่อ้วนหรอกเนอะ จริงม่ะ 

แม้ที่นี่จะมีห้องพักเพียงแค่ 15 ห้องเท่านั้น 

แต่อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์นะ และจัดเต็มซะด้วย มีครบทุกโซน

ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารโมร็อกโก เบเกอรี่ สลัด เมนูไข่ต่างๆ  ซีเรียส เครื่องดื่ม ก็ครบ 

นุ้ยชอบสไตล์โมร็อกโก เพราะสีสัน และลวดลายนี่แหละ ดูมีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ และให้ความสดใสไปพร้อมๆ กัน 

พลาดไม่ได้กับการทำสปา  ถ้ามีเวลาพอ นุ้ยจะไม่พลาดการทำสปา ในทุกโรงแรมที่เข้าพักเลยค่ะ 

โดยเฉพาะที่นี้  สปาแบบโมร็อกโก  ที่ห้อง SHERAZADE HAMMAM & SPA

เป็นห้องสปา ที่สวยมาก มีลักษณะเป็นอาคารโดมสูง ประดับด้วยโคมไฟ และบานประตูไม้โบราณ  

นี่คือห้องสปา และห้องนี่แหละคือห้งอสำหรับอบไอน้ำ 

สวย หรูหรา แปลกตา มีเสน่ห์ หาคำนิยามได้หลากหลายมาก

 เขาว่ากันว่า สปาของที่นี่ เป็นการนำวิธีการบำบัดที่ดีเลิศของอาหรับมาเลยนะ

ซึ่งสปาตัวที่นุ้ยทำคือตัวซิกเนเจอร์ที่ชื่อว่าฮัมมัมนี่แหละค่ะ  มี 3 ขัดตอนหลัก เริ่มจากการนั่งอบไอน้ำ

ที่มีบ่อน้ำร้อน น้ำเย็น ไหลลงตามกำแพง

หลังจากนั้นจะมีการขัดผิดด้วยสบู่ดำ ตามแบบฉบับฮัมมัมโมร็อกโก

หลังจากนี้ก็จะเป็นการผ่อนคลายทำทรีทเม้นท์นวดน้ำมัน   

นุ้ยช่วงบ่ายๆ พอมีเวลาว่าง นุ้ยได้แว๊บไปถ่ายห้องพักอีกหนึ่ง Room Type มาฝากกัน 

นั่นคือ พูลวิลล่า 1 ห้องนอน  เป็น Room Type ที่สวยมาก 

มีทั้งหมด 4 หลัง  ได้แก่ Villa Shammar , Villa Kammoon , Villa Kuzbra และ Villa Qurfa

ห้องน้ำจะมีทั้งชั้นบนและล่าง 

ตกแต่งด้วยลวดลายโมเสก และไม้แกะสลัก  ยังคงมีความหรูหรา อ่างล่างหน้าสีทอง 

ช่วงเวลาแบบนี้มักเดินทางผ่านไปเร็วเสมอ 

เผลอแปบๆ พรุ่งนี้นุ้ยก็ต้องกลับบ้านแล้วสินะ ที่นี้เป็นวันพักผ่อนที่วิเศษมากๆ  

และแม้ว่าเวลาจะเหลือน้อย แต่เราจะไม่ปล่อยให้มันผ่านเลยไปแบบธรรมดาแน่ๆ  

เพราะคืนนี้เราจะดินเนอร์กันบนดาดฟ้าห้องพักเราจ้า 

เพิ่มดีกรีความชิลล์ ด้วย เครื่องดื่ม สักแก้ว สองแก้ว 

วันนี้อาหารที่สั่งทานจะค่อนข้างหลากหลาย 

เริ่มที่เมนูเรียกน้ำย่อย ด้วยเมนูแซ่บ ๆ อย่างยำหอยเชลล์ ที่บอกได้เลยว่า ต้องสั่ง

แซ่บมาก อร่อยมาก คือดีมากสำหรับเมนูนี้ 

จะว่าไปส่วนใหญ่ที่สั่งมาวันนี้ก็จะเป็นแนวซีฟู๊ดนะ

ไม่ว่าจะยำหอยเชลล์ สเต็กแซลม่อน หอยแมลงภู่อบสมุนไพร 

เช้าวันสุดท้าย 

นุ้ยยังคงตื่นแต่เช้า มาทักทายกับแสงแรกของวัน 

แสงอ่อน ๆ ยามเช้า 

มันทำให้ผ่อนคลาย พร้อมกลับไปสู้กับโลกของความจริงๆ 

3 เมือง unseen ที่ต้อง Go Go Go เที่ยวโมรอคโคกันดีกว่า

โมรอคโคมีเมืองสุดแปลกแตกต่างกว่าประเทศยอดนิยมทั้งหลายที่นักเที่ยวแหวกแนวห้ามพลาด อย่างน้อยก็ 3 เมืองที่เราจะมาเล่าให้ฟัง ลุยเลยยยยย

สายเที่ยวบางคนอาจจะกำลังหาที่เที่ยวนอกแถบเอเชียอยู่ แต่ก็กังวลว่าถ้าจะไปในที่ที่ตัวเองไม่คุ้นเคยแล้วมันจะเป็นยังไง Tourkrub ต้องขอบอกก่อนว่าในแต่ละประเทศ ก็จะมีสิ่งที่เป็นไฮไลท์จุดปังที่ดึงดูดนักเดินทางแตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นปราสาท ตึก สะพาน สวนสนุก รูปปั้น ภูเขา แม่น้ำ วิวธรรมชาติ 

แต่กับ “โมรอคโค” นั้นบอกเลยว่าแตกต่างนะครับ เป็นประเทศ Unseen ที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนึกถึงกันเท่าไหร่ แต่โมรอคโคนี่แหละ เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวอีกประเทศหนึ่ง

เพราะนอกจากประเทศโมรอคโคจะขึ้นชื่อในศิลปะสไตล์ของตัวเอง ที่เรามักคุ้นตากับการตกแต่งสไตล์โมรอคโคอันเกลื่อนกลาดตามคาเฟ่และรีสอร์ตในเมืองไทย แต่รู้หรือไม่ว่า โมรอคโคมีเมืองสุดแปลกแตกต่างกว่าประเทศยอดนิยมทั้งหลายที่นักเที่ยวแหวกแนวห้ามพลาด อย่างน้อยก็ 3 เมืองที่เราจะมาเล่าให้ฟัง ลุยเลยยยยย

1.เที่ยวโมรอคโค Merzouga กับทะเลทรายซาฮาร่า

มาเยือนทวีปแอฟริกาทั้งที จะไม่พูดถึงทะเลทรายขนาดมหึมาอย่างซาฮาร่าก็กระไรอยู่ ทะเลทรายซาฮาร่าเป็นทะเลทรายมีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับสามของโลก แหม่ทะเลทรายฮอตฮิตทั้งหลายต้องหลบให้พี่เค้าละ ลืมไปได้เลยกับการไปถ่ายรูปกิ๊กๆก๊อกๆในทะเลทรายประเทศเพื่อนบ้าน พี่ซาฮาร่าเค้าน่ะของจริง งามงดยิ่งใหญ่เหลืองทองอร่ามมาก

การไปเยือนก็ง่ายแสนง่าย แค่นั่งรถไปเมือง Merzouga  แล้วขี่น้องอูฐดุ่ยๆมุ่งหน้าเดินเข้าไปในทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูกตา หยิบ sandboard มาเหยียบลื่นสไลด์ไปตามเนินทรายเก๋ๆ จัดเต็มกับท่าโพสท์เล่นกับทรายตามสไตล์และความครีเอทของตัวเองกันให้หนำใจ ตกเย็นก็ตั้งกล้องถ่ายแสงสีส้มทอดลงบนทรายสีทอง แล้วนอนค้างกันซักคืนในเต้นท์แบบดั้งเดิมของชาว Berber (ชาวพื้นเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลทราย) เอนหลังลงบนทรายอันแสนนุ่มชื่นชมดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันโรแมนติก เอิ่ม แต่อาจจะไม่ค่อยโรแมนติกมากเท่าไหร่ เพราะทะเลทรายอะนะ ก็แห้งแล้ง มีแต่ทรายเหนอะหนะ น้ำมีจำกัด ต้องใช้ชีวิตขัดทุกหลักการของความสะอาด เนื้อตัวก็จะเขรอะๆมอมๆหน่อย แฮร่!

2.เที่ยวโมรอคโค Fez กับบ่อสี

เมืองหลวงแห่งศิลปะและงานแฮนด์เมดจากหนังสัตว์ต้องยกให้ Fez เค้าเลย สินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมชื่อดังไฮเอนของยุโรปต่างก็ใช้หนังคุณภาพดีจากที่นี่กันทั้งนั้น เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องการฟอกและย้อมสีหนัง ตั้งแต่ต้นกระบวนการลอกเอาหนังออกจากวัว แกะและผองเพื่อน กำจัดขนออกจากหนัง และแช่หนังด้วยน้ำผสมอึนกพิราบและฉี่วัวให้มันนุ่มและกัดสี ถ้านึกภาพตาม ก็พอจะได้กลิ่นเลยมั้ยว่าทั้งเมืองบรรยากาศจะเป็นยังไง ใช่ฮะ ก็จะมีกลิ่นอึนกพิราบ ฉี่วัว ปะปนด้วยกลิ่นเนื้อสดแบบร้านขายเนื้อในตลาด ออร์แกนิคสุดๆ เอาที่สบายใจเลยละกัน

จุดไฮไลท์ที่ต้องแวะไปชมให้ได้ คือ บ่อหลุมที่ใช้สำหรับผสมเพื่อย้อมหรือฟอกสีหนัง (Tannery) บ่อพวกนี้มีมากมายหลายแห่งกระจายตัวอยู่ทั่วเมือง แต่จะได้ป๊ะบ่อที่มันมีสีสันกุ๊กกิ๊กมั้ยนั้นต้องขึ้นอยู่กับดวงละ ว่าไปจังหวะที่เค้ากำลังจะย้อมสีมั้ย ไม่งั้นก็จะเห็นแต่บ่อเปลือยๆดิบๆแทน อ้อ อีกหนึ่งความดีงามของเมือง Fez คือ ผลิตภัณฑ์ทั้งหลายแหล่จากหนังสัตว์นั้นราคาสบายกระเป๋าได้อีกครับ เพราะของราคาถูกมากก (ราคากระเป๋าหนังไม่ต่างกับกระเป๋าผ้าอะเห้ย!) และไม่ต้องห่วงว่าจะหนังจริงหนังปลอม แหม่ กลิ่นหลังร้านตลบอบอวนซะขนาดนี้

3.เที่ยวโมรอคโค Chefchaouen กับเมืองสีฟ้า

ยืนยันได้เลยว่านี่เป็นเมืองเดียวในโลกที่เป็นสีฟ้าทั้งเมือง! ย้ำว่าทั้งเมือง ไม่ใช่แค่ย่านเพียงไม่กี่ถนนกะโหลกกะลา แต่มันคือทั้งเมืองบนเขา ว่ากันว่าเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโมรอคโคแห่งนี้ มีสีฟ้าเพราะผู้อพยพชาวมัวร์และชาวยิวสร้างเมืองนี้ โดยทาสีฟ้า-น้ำเงิน อันเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า ท้องฟ้าและทะเล (แถมช่วยไล่ยุงได้อีกนะเออ ฉลาดไปอีก!) ทั้งผนังบ้าน พิ้นถนน บันได แทบจะทุกอย่างเป็นสีฟ้าน้ำเงินหมดเลย คู่ควรมากกับการมาเดินเล่นชิลๆ ถ่ายรูปสวยๆ แนะนำให้ ปีนเขาข้างๆเมืองขึ้นไปเพื่อชมวิวเมืองแบบเต็มๆตา พร้อมฟังเสียงระฆังกังวาลเมื่อถึงเวลาละหมาด และเมืองนี้ก็เป็นอีกเมืองหนึ่ง ที่สายช้อปของแฮนด์เมดกุ๊กกิ๊กจะต้องหมดตัวอย่างแน่นอน มีทั้งร้านขายสบู่ออร์แกนิคดีไซน์ชิคๆ ร้านขายเครื่องหอมร้อยกลิ่น และร้านขายของเก่าโบราณน่าสะสม หรืออยากจะลองเพ้นท์เฮนน่าเพิ่มดีกรีความอาหรับในตัวก็แซ่บไม่เบา

ความยากคือ เมืองเล็กๆนี้อาจจะเดินทางไกลหน่อยจากเมืองอื่นๆ แต่รับรองว่าคุ้มค่ามากจริง เพราะความสบายตาของสีฟ้า ความสะอาดของเมือง และความน่ารักของผู้คน ทำให้ฟินสุดๆกับการพักผ่อนหย่อนใจสักสองสามคืน

“โมร็อกโค” (MOROCCO) เสน่ห์แห่งโลกตะวันออกกลาง ดินแดนฟ้าจรดทราย

โมร็อกโค (MOROCCO) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เอล มาห์กริบ อัล อัค ซา” (EL MAHGRIB AL AQSA) ซึ่งหมายถึงดินแดนทางทิศตะวันตกไกลที่สุด ที่นี่เป็นดินแดนเมืองหนาวที่มีแดดอันร้อนแรง หรือเป็นประเทศที่เย็นที่สุดในหมู่ประเทศที่ร้อนที่สุด เนื่องจากภูมิประเทศอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่ตั้งซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของทวีปแอฟริกา

เมืองคาซาบลังก้า (CASABLANCA) มีความหมายในภาษาสเปนว่าบ้านสีขาว ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ปัจจุบันนี้บ้านเรือนของพวกเขามีสีขาว เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของราชอาณาจักรโมร็อกโก (Kingdom of Morocco) ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ “คาซาบลังกา” จากภาพยนตร์ในชื่อ Casablanca (สร้างปีค.ศ.1942) แม้ว่าในความเป็นจริงภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ใช้ฉากที่ถ่ายทำในคาซาบลังกาเลยแต่ก็ทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกได้เช่นกัน

Casablanca เป็นภาพยนตร์รักอเมริกันในกาซาบล็องกา เมืองท่าทางตอนเหนือโมร็อกโก ภาพยนตร์กล่าวถึงความขัดแย้งและการตัดสินใจของชายคนหนึ่ง ที่ต้องเลือกระหว่างความรัก กับการช่วยเหลือสามีของเธอในการต่อสู้ต้านทานนาซี อีกหนึ่งเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือ ความ “แฟนตาซี” และ “เอ็กโซติก” ที่นำเสนอออกมา ทำให้เมืองคาซาบลังก้ากลายเป็นที่รู้จัก และโด่งดังมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

จุดหมายที่ไม่ควรพลาด กับการไปเยือนเมืองคาซาบลังก้า ได้แก่ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโคทุกแขนง ชมวิวทิวทัศน์รอบๆ และสุเหร่าแห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลอีกด้วยค่ะ

เมืองเชฟชาอูน (CHEFCHAOUEN) Blue City นครสีฟ้า เมืองซึ่งได้ขนานนามว่า “มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อคโค” เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 538 ปี มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติสวยงาม อากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ จากเหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นได้ผ่อนคลาย มีสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ และมีชื่อเสียงมากที่สุดด้วยความโดดเด่นของอาคารบ้านเรือนที่ทาเป็นสีฟ้าทั้งหมดด้วยค่ะ

สาเหตุที่เมืองเชฟชาอูนถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้า เพื่อเป็นการระลึกถึงพระเจ้านั่นเอง

ทะเลทรายซาฮารา (SAHARA DESERT) เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย กิจกรรมที่น่าสนใจของสถานที่แห่งนี้ก็คือ ขี่อูฐเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮารา

เมืองมาราเกช (MARRAKECH) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค เป็นเส้นทางของพ่อค้าตะวันออกกลาง ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด

สภาพบ้านเมืองที่เห็นได้ชัดคือ ทางเดินที่ทอดตัวยาวสองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือเมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งและยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น

มัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองมาราเกช ไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1147 เพื่อประกาศชัยชนะของชาวมุสลิมที่ได้นำศาสนาเข้ามาเผยแผ่ได้อย่างสำเร็จ แต่มัสยิดแห่งนี้ผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามไม่สามารถเข้าไปชมด้านในมัสยิดได้ สามารถเดินถ่ายรูปในบริเวณลานด้านนอกรอบๆ ตัวอาคารได้

พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) มีความหมายว่า “ราชวังแห่งความวิโรจน์” แต่ละห้องจะถูกออกแบบด้วยลวดลายกระเบื้อง มีห้องที่ตกแต่งไว้ทั้งหมด 150 ห้อง มีความงดงามมากเลยทีเดียวโดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น stucco ประดับประดาด้วยโมเสก เป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก

Jardin Majorelle เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ ที่โดดเด่นสะดุดตาแห่งโมร็อคโกว่ากันว่าเป็นสวรรค์น้อยๆ สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาจากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบองเพชรนับพันต้น หลากหลายสายพันธุ์ มีสวนบัว และป่าไม้ดูร่มรื่น สวนแห่งนี้ออกแบบโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Jacques Majorelle ทำให้สวนแห่งนี้ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ

5 ที่พักสไตล์โมร็อกโกริมทะเล ดีไซน์เก๋ไก๋โดนใจสายชิค บรรยากาศโคตรโรแมนติก

Morocco ประเทศแห่งทะเลทรายซาฮารา ดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของทวีปแอฟริกา ที่มีอารยธรรมเก่าแก่โบราณ ใกล้ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและด้วยความโดดเด่นของทางเข้าเมืองเก่าประตูสีฟ้า Blue Gate ศิลปะของชาวอิสลาม ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบ งานเซลลิจฟ้าสลับขาวสวยงาม ประตูบานโค้งนี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของโมร็อกโกอันวิจิตรบรรจง จนหลากหลายสถานที่นำมาสร้างเป็นที่พัก รีสอร์ท และเมื่อได้มองเห็นประตูโค้งทรงนี้จะต้องนึกถึงประเทศโมร็อกโกทันที วันนี้ทริปเก็ทเตอร์จึงเสาะหาที่พักที่ยกเอาโมร็อกโกมาไว้ให้คุณในประเทศไทยแล้ว บอกเลยแต่ละที่นั้นสวยงามและออกแบบได้วิจิตรบรรจงไม่แพ้ประเทศโมร็อกโกเลยทีเดียว

1.วิลล่า มาร็อก รีสอร์ท, ประจวบคีรีขันธ์
(Villa Maroc Resort)

เริ่มต้นด้วยที่พักที่เมื่อก้าวเท้าเข้ามาแล้ว เหมือนหลุดเข้ามาสู่โมร็อกโก ด้วยการออกแบบอาคารสีสันเจิดจรัส และห้องพักที่ถ่ายทอดเอาสถาปัตยกรรมและศิลปะอันสวยงามทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งการใช้ประตูทรงโค้งอันเป็นเอกลักษณ์ และความสวยงามของโมร็อกโกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของโรงแรมก็เหมือนอยู่โมร็อกโก ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 15 ห้อง 5 รูมไทป์ ได้แก่ Pool Courts, Pool Villas, One-Bedroom Villa, Two-Bedroom Villa และRoyal Villas มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และเฟอร์นิเจอร์อันหรูหรา พร้อมสระว่ายน้ำริมชายหาด

VillaMaroc-01
VillaMaroc-01
VillaMaroc-01
VillaMaroc-01
VillaMaroc-01

Location: 165/3 หมู่ 3 ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
Price: ราคาเริ่มต้น 9,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 032 630 771
Facebook: Villa Maroc ResortWebsite: Villa Maroc Resort

2.มาราเกช หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา
(Marrakesh Hua Hin Resort & Spa Hotel)

ต่อด้วยอีกหนึ่งที่พักที่ใช้ชื่อ “มาราเกซ” เมืองท่องเที่ยวริมทะเลในประเทศโมร็อกโก ที่ได้ฉายาว่า “City of Red” หนึ่งในเมืองที่มีสีสันสดใส สร้างด้วยดินสีแดง ที่นี่จึงดึงเอาเอกลักษณ์อันโดดเด่นมาผสมผสานกับสไตล์ Neo-Morocco จนได้เป็นรสอร์ทที่อบอวลไปด้วยบรรยายาศแห่งโมร็อกโก โดยที่นี่จะแบ่งออกเป็น 3 โซน ตั้งอยู่คนละตึกใช้ชื่อได้เข้าธีมทะเลทรายมากๆ มีห้องพักทั้งหมด 7 แบบ 2 โทนโดยใช้สีตามความเชื่อของชาวอาหรับในเรื่องแสงแดดและท้องทะเล ได้แก่ สีแดงและสีน้ำเงิน ภายในห้องพักกว้างขวาง ตกแต่งในสไตล์อาหรับและแฝงไปด้วยกลิ่นอายของโมร็อกโก ห้องพักมีระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบ 180 องศา มาพร้อมสระว่ายน้ำยาวไปจนถึงชายหาด ให้คุณได้เล่นน้ำพร้อมกับชมวิวท้องทะเลสีฟ้าคราม และยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ เช่น การทำสปาสไตล์โมร็อกโก คลาสทำขนม-อาหาร คลาสโยคะ และช่วงบ่ายๆ จิบชา Afternoon Tea มาเยือนที่นี่แล้วได้ครบจริงๆ 

Location: ซอยหัวหิน 83/1-85 ถนนเพชรเกษม อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
Price: ราคาเริ่มต้น 3,700 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 032 616 777
Facebook: Marrakesh Hua Hin Resort & SpaWebsite: Marrakesh Hua Hin Resort & Spa

3.อัล เมดินา บีช เฮ้าส์, จันทบุรี
(Al Medina Beach House)

“Al Medina Beach House” มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโกจากชื่อเมืองเก่าในประเทศโมร็อกโกกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรีสอร์ท โดยใช้ชื่อเมือง “Medina” มาเป็นชื่อรีสอร์ท ด้วยการตกแต่งรีสอร์ทที่หยิบเอาคงามงามของสถาปัตยกรรมอินเดียผสมผสานกับความเป็นเมดิเตอร์เรเนียน แต่เลือกใช้สีอาคารสีขาวโทนอ่อน ให้ความรู้สึกเรียบหรู มีห้องพักทั้งหมด 9 ห้อง โดยตั้งชื่อตามชื่อเมืองต่างๆ ในโมร็อกโก คือ Marrakech, Fez, Casablanca, Essaouira, Asilah, Tangier, Rabat, Meknes และSale โดยแต่ละห้องได้วิวที่แตกต่างกันอย่างห้อง Marrakech ที่สามารถชมวิวได้ถึง 3 ด้าน ทั้งวิวพระอาทิตย์ตกลับขอบทะเล วิวภูเขาสีเขียวชอุ่ม และวิวท้องทะเลสีคราม สำหรับใครชอบห้องพักที่ได้วิวดีดีแบบนี้แนะนำ
Location: 
99 หมู่ 7 หาดคุ้งวิมาน ต.คลองขุด อ.นายายอาม จ.จันทบุรี
Price: ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 085 334 3555, 085 155 3333
Facebook: Al Medina Beach House

4.ริยาจ หัวหิน โฮเทล
(Riad Hua Hin Hotel)

“Riad Hua Hin Hotel” ริยาจในภาษาอาหรับ หมายถึง ที่พักที่ซึ่งลรายล้อมไปด้วยต้นไม้และธรรมชาติ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมสไตล์โมร็อกโกผสมผสานความเป็นเมดิเตอร์เรเนียนด้วยอาคารสีเหลืองสดใส มีห้องพักทั้งหมด 12 ห้อง 3 รูมไทป์ ได้แก่ แมวนอน แมวนั่ง และแมวยืน โดยแต่ละห้องมองเห็นวิวแตกต่างกันออกไป ห้องที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่คือ ห้องแมวนอน ซึ่งอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ พร้อมจากุชชี่ให้คุณได้นอนแช่ตัวอย่างสบายอุรา ภายในกว้างขวาง โปร่ง โล่งสบาย มีระเบียงให้คุณได้ออกมาถ่ายรูป ชมวิวท้องทะเลเขาตะเกียบได้แบบ 180 องศา

Location: 75 หมู่บ้านหัวดอน ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
Price: ราคาเริ่มต้น 2,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 089 899 7979
Facebook: Riad Hua Hin hotel

5.บ้านมนตรา บีช รีสอร์ท, ประจวบคีรีขันธ์
(Baan Montra Beach)

ปิดท้ายด้วยรีสอร์ทเล็กๆ ที่ใช้ชื่อไทยๆ แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของโมร็อกโก ที่มีบ้านพักแบบวิลล่าทั้งหมด 18 หลัง 4 แบบ คือ Studio Poolside Villa, Family Poolside,  Beach Front Villa และ Ocean View Villa วิลล่าแต่ละหลังแยกส่วนกันที่ไม่ว่าคุณจะมาสวีทกับแฟน หรือพาครอบครัวมาเที่ยวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ทั้งยังมีระเบียงและดาดฟ้าให้นั่งชมวิวได้แบบ 360 องศา และมีสระว่ายน้ำ ร้านอาหารวิวทะเลให้คุณได้นั่งรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก ไม่ว่าใครได้มาเยือนที่นี่ก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน 

Location: 333/1 หมู่ 3 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
Price: ราคาเริ่มต้น 2,400-3,800 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า)
Phone: 089 519 0770
Facebook: บ้านมนตรา บีช รีสอร์ท,หาดบ้านกรูด : Baanmontra Beach ResortWebsite: Baanmontra Beach Resort

5 ที่พักสไตล์โมร็อกโกริมทะเล ดีไซน์เก๋ไก๋โดนใจสายชิค บรรยากาศโคตรโรแมนติก

ที่พักโรงแรมในโมร็อคโก

ข้อมูลทั่วไปประเทศโมร็อกโก

ข้อมูลทั่วไปประเทศโมร็อกโก

เมืองหลวง: ราบัต
เมืองใหญ่สุด: กาซาบล็องกา
ภาษาราชการ: ภาษาอาหรับ
การปกครอง: ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
ประชากร
2548 (ประเมิน): 31,478,000 คน
สกุลเงิน: ดีร์แฮมโมร็อกโก (Moroccan Dirham หรือ MAD)
รหัสโทรศัพท์: 212

ข้อมูลทั่วไปประเทศโมร็อกโก

ภูมิอากาศ
ประเทศโมร็อกโก จะตั้งอยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ทิศเหนือจะติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันออกจะติดกับสาธารณรัฐแอลจีเรีย ทิศตะวันตกจะติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก และทิศใต้จะติดกับสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย เป็นที่ตั้งของเทือกเขาที่สูงเป็นอันดับที่ 2 ของแอฟริกา ได้แก่ เทือกเขาแอตลาส และมีพื้นที่ครอบคลุม ทะเลทรายซาฮาราบางส่วน ลักษณะประเทศมีความหลากหลาย ภูมิอากาศทางตอนในของประเทศมีอากาศแห้งแล้งแบบทะเลทราย แต่บริเวณชายฝั่งทะเลมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน


ฤดูกาล

  • ฤดูหนาว (Winter) ในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็นและชื้น
  • ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) บรรยากาศจะรื่นรมย์และอบอุ่น ยอดเยี่ยมต่อการถ่ายภาพ อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 23-26 °C
  • ฤดูร้อน (Summer) จะเป็นช่วงร้อนสุดของโมร็อกโก อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 38 °C โดยเฉลี่ย
  • ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เป็นช่วงที่ฝนในฤดูหนาวยังไม่ได้มาถึง เหมาะแก่การมาว่ายน้ำในทะเลเล่นในช่วงนี้

เวลา
โมร็อกโก เวลาจะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 7 ชั่วโมง


ระบบไฟฟ้า

โมร็อกโก ใช้ระบบไฟฟ้า 220-240 V, 50 Hz เหมือนประเทศไทย แต่ปลั๊กไฟจะเป็นแบบหัวกลม 2 ขาและ แบบมีหัวกลมคู่ กับคลิปสำหรับกราวด์ 1 ด้าน
*หากมีอุปกรณ์ไฟฟ้าจากประเทศไทย จะไปใช้ที่นั่น ควรเตรียม Universal Adapter (หัวแปลงปลั๊กไฟ) ไปด้วย ก่อนออกเดินทาง

การสื่อสาร
ปัจจุบันมีช่องทางการติดต่อผู้อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศได้หลายช่องทาง เช่น โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ แอพพลิเคชั่นประเภทแชทในสมาทโฟน ที่สามารถ โทรคุย หรือ วีดีโอคอล หากันได้เลยแค่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต โดยไม่เสียค่าบริการใดๆ (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ฟูลไบร์ท)

การโทรศัพท์จากไทยไปโมร็อกโก
008หรือ009+212+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ เช่น โทรไปที่ราบัต (รหัสเมือง 37) หมายเลข 37-12345678
คือ 008หรือ009-212-37-12345678 เป็นต้น
การโทรศัพท์จากโมร็อกโกมาไทย
00+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ เช่น โทรมาที่กรุงเทพฯ (รหัสเมือง 02) หมายเลข 02-123-4567
ให้ตัด 0 ตัวแรกสุดของ รหัสเมืองออก ก่อนโทร คือ 00-66-2-123-4567 เป็นต้น

สกุลเงิน

ข้อมูลทั่วไปประเทศโมร็อกโก

ISO code: MAD
เหรียญที่ใช้บ่อย: 1, 5, 10 & 20 santimat, ½, 1, 2, 5 & 10 dirhams
ธนบัตรที่ใช้บ่อย: 20, 50, 100 & 200 dirhams

มาร์ราคิช, ประเทศโมร็อกโก (Marrakech, Morocco)

โมร็อกโก
โมร็อกโก
โมร็อกโก
โมร็อกโก


โมร็อกโก…แดนหรรษาบนแอฟริกาตอนเหนือ (e-magazine)

Article by Omyim
ประเทศโมร็อกโก หรือ ราชอาณาจักรโมร็อกโก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา มีอาณาเขตติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมหาสมุทรแอตแลนติก มีช่องแคบยิบรอลตาร์แบ่งกั้นกับประเทศสเปน โมร็อกโกเป็นประเทศที่มีความแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในทวีปเดียวกันอย่างมาก ซึ่งมีทั้งความทันสมัยและความเจริญรุ่งเรืองกว่า เนื่องจากครั้งหนึ่งประเทศทางยุโรปอย่างสเปนและฝรั่งเศส เคยเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองและการปกครอง จึงนำเอาวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้ามาเผยแพร่ด้วย จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้มีความเป็นยุโรปอยู่มาก
          แต่ประชากรมีหลากหลายชาติพันธุ์ผสมผสานกัน ทั้งชนชาตินิกรอยหรือแอฟริกันนิโกร คอเคซอยด์ ได้แก่ชาวอาหรับ และชาวยุโรป ชนพื้นเมืองคือชาวเบอร์เบอร์ หากจะเรียกว่าเป็นแดนอาหรับก็น่าจะได้ เพราะมีความคล้ายคลึงกับประเทศแถบตะวันออกกลางเช่นกัน คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็มีชาวยิวอยู่เป็นจำนวนมาก คนที่นี่บอกว่าพวกเค้าอาจเป็นอิสลามที่ไม่เคร่งครัดที่สุดในโลกก็ได้ เพราะเค้าเลี้ยงสุนัข ดื่มไวด์ และสูบบุหรี่ด้วย แล้วสาว ๆ ที่นี่ก็เปรี้ยวจี๊ด นุ่งน้อยห่มน้อย ก็คงจะได้รับวัฒนธรรมจากยุโรปอยู่มากโขทีเดียว 
          โมร็อกโกยังคงมีความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ และงดงามอยู่มาก เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก จึงเป็นประเทศที่น่าสนใจในการไปเยือน รวมถึงสถานที่เที่ยวก็มีมากมายหลายเมือง อย่าง เมืองท่าคาซาบลังกา ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโมร็อกโก

โมร็อกโก

 เมืองคาซาบลังกา แต่เดิมเป็นเมืองท่าเล็ก ๆ แต่เนื่องจากมีกองถ่ายภาพยนต์ยกกองมาถ่ายทำกันที่เมืองนี้ แล้วก็มีเพลงเกี่ยวกับเมืองนี้ด้วย เมื่อหลายสิบปีก่อน จึงเริ่มเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไป จนทำให้ทุกวันนี้ เมืองคาซาบลังกากลายเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย หากมาเที่ยวเมืองนี้ก็จะได้เห็นสาว ๆ นุ่งสั้น ใส่สายเดี่ยว เอวลอย พูดคุยกับชายหนุ่มอย่างเปิดเผย ซึ่งต่างจากชาวมุสลิมทั่วไป

โมร็อกโก

          เมืองคาซาบลังกามีสถานที่เที่ยวมากมาย อย่าง ตลาดกลาง (Central Market) ซึ่งมีอาหารทะเลสด ๆ ใหม่ ๆ คุณภาพเต็มปากเต็มคำจากท้องทะเลแถบเมดิเตอร์เรเนียน มาวางเรียงรายขายกันทั้งตลาด สำหรับนักช้อปก็ต้องไปที่ย่าน Habous District ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งศูนย์รวมนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือนที่นี่

โมร็อกโก

ย่านไอน์เดียบ (Ain Diab) สถานที่พักตากอากาศของผู้มีอันจะกิน และผู้มีชื่อเสียงในสังคม เป็นชายหาดริมทะเลแถบมหาสมุทรแอตแลนติก ในเมืองคาซาบลังกา ซึ่งดาราฮอลลีวูดชื่อดังหลายคนก็มีบ้านพักอยู่ในย่านนี้ นอกจากทิวทัศน์ที่งดงามแล้ว ย่านนี้ยังมีภัตตาคาร ร้านอาหารหรูหราราคาแพงอยู่มากมาย สมกับเป็นย่านคนรวยจริง ๆ

โมร็อกโก

เมืองมาร์ราเกซ (Marrakesh) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก คาซาบลังกา และเป็นหนึ่งในสี่เมืองแห่งราชอาณาจักร อิมพีเรียลซิตี้ ได้แก่ ราบัต เพซ เมกเนส และมาร์ราเกซ

โมร็อกโก

          มาร์ราเกซเป็นเมืองที่มีสีสันแห่งชีวิต โดยเฉพาะจัตุรัสเก่าแก่ใจกลางเมืองอย่าง เจมา เอล ฟนา (Djemaa El Fnaa) เปรียบเสมือนเวทีกลางแจ้งที่มีสีสันแห่งชีวิตของเหล่านักแสดงโชว์การละเล่นพื้นเมือง และเป็นที่ทำมาหากินของนักมายากล หมองู ช่างขัดรองเท้า แถมมีบริการถอนฟันด้วย จึ๋ย… แต่ที่โดดเด่นเห็นจะเป็น รถเข็นขายน้ำส้มคั้นสด ๆ จอดขายกันเรียงรายตลอดทางย่านนี้
          เสน่ห์ของมาร์ราเกซอยู่ที่การกำหนดของรัฐบาล โดยให้ทุกบ้านเรือนในเมืองนี้ทาสีส้มได้เพียงสีเดียวเท่านั้น สีจะออกเหมือนสีส้มอิฐ เมื่อกระทบกับแสงแดดก็จะสะท้อนออกเป็นสีอมชมพู คนที่นี่เค้าเลยเรียกเมืองนี้ว่า “เมืองสีชมพู” ก็น่ารักดี

โมร็อกโก
โมร็อกโก

          หากเบื่อในเมืองแล้ว สามารถออกไปสัมผัสธรรมชาตินอกเมืองกันต่อที่ หุบเขาโอริก้า บนเทือกเขาไฮแอตลัส (High Atlas Mountains) ซึ่งออกจากตัวเมืองมาร์ราเกซไปทางตอนใต้ประมาณ 60 กิโลเมตร เทือกเขาไฮแอตลัส เป็นแนวเทือกเขาที่มีความสำคัญที่กั้นเมืองมาร์ราเกซกับทะเลทรายซาฮารา มีระดับความสูงกว่า 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีความหลากหลายของลักษณะอากาศ ที่มีทั้งความชื้นและแห้งแล้ง ตามแนวเชิงเขาเขตแห้งแล้ง เราสามารถพบเห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวโมร็อกโก ที่มีการปลูกสร้างอย่างกลมกลืนไปกับธรรมชาติอยู่ตลอดแนว ช่างเป็นเหมือนภาพเขียนที่งดงามน่าประทับใจ

โมร็อกโก

          มาถึงโมร็อกโกหากไม่พูดถึงเมือง เฟซ (Fes) ก็คงไม่ได้ เพราะเมืองนี้เป็นเมืองเก่าประดุจเขาวงกต ที่มีความซับซ้อนในการปลูกสร้างบ้านเรือนที่ย้อนยุคไปกว่าพันปี มีตรอกซอกซอยกว่า 9,000 แขนง ความลึกลับซับซ้อนกลับกลายเป็นมนต์เสน่ห์ที่ล่อให้นักท่องเที่ยวไปติดกับจนยากที่จะหาทางออก เมืองนี้ยังมีการใช้ลาเป็นพาหนะอยู่ แหม…ช่างเหมือนเดินอยู่ในดินแดนแห่งนิยายปรัมปราแบบอาหรับเสียจริง

โมร็อกโก

          อาหารโมร็อกโกมีความแตกต่างจากอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียนในแถบยุโรป ซึ่งดูคล้ายกับมีความเป็นอาหรับเข้ามาช่วยเสริม แต่มีจุดเด่นเฉพาะตัวคือจะเสริฟมาในภาชนะที่มีฝาปิด เรียกว่า ทาจีน (Tagine) เป็นโลหะที่ทนและเก็บความร้อน เค้าจะใช้ภาชนะนี้ตั้งไฟปรุงอาหาร เมื่อปรุงเสร็จก็ยกมาเสริฟแบบนั้นเลย

โมร็อกโก

          อาหารจานหลักของโมร็อกโกคือ Seafood Tagine มีปลา หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ หอยตลับ ปลาหมึก กุ้ง ก็คือรวมปาร์ตี้ซีฟู๊ดนั่นแหละ (เนื่องจากมีน่านน้ำในการหาปลาเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาหารทะเลจึงมีมากมาย) แล้วก็ใส่มันฝรั่ง มะเขือเทศ แครอท มะกอก เครื่องเทศ และส่วนผสมอีกมากมาย โป๊ะมาบนข้าว หน้าตาน่ากิน
โมร็อกโกยังมีความงามของธรรมชาติที่สมบูรณ์อยู่หลายแห่ง และยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมที่น่าสนใจ อีกทั้งสถาปัตยกรรมก็ยังคงรูปแบบเก่าแก่มาหลายร้อยปี จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศมหาเสน่ห์ที่น่าไปเยือน