
มีเพื่อนๆ ถามกันมาเยอะว่า ไปโมร็อกโกเป็นไงบ้าง เดินทางสะดวกไหม อันตรายหรือเปล่า มีอะไรชี้แนะบ้าง? โพสนี้ ผมเลยอยากเขียนเน้นเนื้อหา เล่าถึงประสบการณ์ และโลจิสติกส์ของการเดินทางเป็นหลัก
ก่อนอื่นต้องขอย้ำว่า ผมเดินทางกับเด็กอายุ 3 ขวบ อะไรที่ผาดโผนมากคงไม่มีเขียนรีวิวในนี้นะครับ รอบนี้เน้นพักแบบไม่ลำบากมากนัก แต่การเดินทางยังอิงแนวผจญภัย ลุยๆ เหมือนเดิม ผมไปช่วงเดือนมีนาคม ตรงกับฤดูใบไม้ผลิที่นั่นพอดี อากาศกำลังดีไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป แต่เจอพายุทรายเป็นบางช่วงตอนขี่อูฐข้ามทะเลทราย

แผนการเที่ยวโดยสังเขป: สำหรับทริปนี้ เราเริ่มต้นที่กรุง Marrakesh และจบที่ Casablanca — 4 วันแรก เราเที่ยวอยู่ในกรุง Marrakesh วันที่ 5 เช่ารถขับออกจากเมือง ข้ามเทือกเขา Atlas Mountains ไปยังเมือง Merzouga เพื่อขี่อูฐไปนอนค้างคืนในทะเลทราย หลังจากนั้นก็ขับต่อไปยังเมือง Fes ซึ่งเราค้างอยู่ที่นั่น 3 คืน.. จาก Fes เราเหมารถไปเที่ยว Meknes, Volubilis และ Chefchauoen ก่อนที่จะนั่งรถไฟต่อไปยัง Rabat และก็ Casablanca
Day 1: Getting to Marrakesh
เราบินออกจาก Miami ไปยังกรุง Marrakesh โดยสายการบิน TAP Portugal ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 15 ชม. (บนเครื่อง 10 ชม. + หยุดต่อเครื่องที่กรุง Lisbon ประเทศโปรตุเกส 5 ชม.) ถึงกรุง Marrakesh ตอนประมาณเที่ยงวันพอดี ก่อนออกจากสนามบิน เราหยุดแลกเงินนิดนึง ให้มีพอสำหรับจ่ายค่านั่งแท็คซี่เข้าเมืองและซื้อของกินเล่นเล็กน้อย
เราพักอยู่ที่ Dixneuf La Ksour (Riad 19) ซึ่งเป็นบ้านพักเล็กๆ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเก่า หรือที่เรียกกันว่า “เมดิน่า” เหตุผลที่เลือกพักที่นี่ ก็เพราะ สถานที่ตั้งที่อยู่เยื้องจาก จัตุรัส เจมา เอล ฟนา (Jemaa el-Fnaa Square) ไปแค่ไม่กี่นาที ถ้าจะออกมาเดินเที่ยว หรือมาหาอะไรกินที่จัตุรัสตอนกลางคืน ก็จะง่ายและสะดวกมาก

สำหรับคนที่จะพัก riad ในเมดิน่า ให้เช็คกับทาง riad ก่อนนะครับว่ารถเข้าไปถึงไหม เพราะตรอกซอยในเมดิน่าค่อนข้างเล็ก ถ้าแท็คซี่เข้าไม่ถึง เขาจะจอดให้ลงหน้าปากซอย แล้วเราต้องเดินแบกกระเป๋าเข้าซอยไปหาโรงแรมเอง ถ้าใครมีสัมภาระเยอะ แนะนำจ้างคนที่มีรถเข็น (จะมียืนรอกันอยู่ตามที่จอดรถ) ให้ช่วยเข็นกระเป๋าตามเราไปถึงที่พักได้
พอเช็กอินเข้าโรงแรมเรียบร้อย เราก็ออกมาเดินหาซื้อซิมมือถือ และแลกเงินเดอร์แฮม — สำหรับซิมมือถือ แนะนำแบบ pre-paid ของเครือข่าย Moroc Telecom ราคาไม่แพง สัญญาณดี ใช้ได้ทั่วประเทศ
Day 2-4: Marrakesh

เมือง Marrakesh แบ่งเป็น 2 เขตใหญ่ๆ ด้วยกัน: [ 1 ] เขตเมืองเก่า หรือ “เมดิน่า” ในนั้นจะเป็นตรอกซอยทางเดินเล็กๆ ตัดไปตัดมา ล้อมไปด้วยกำแพงสีแดงที่สูงประมาณตึกแถว 2-3 ชั้นได้ ข้างทางเดินก็จะมีร้านค้าเล็กๆ ขายของนู่นนี้เป็นช่วงๆ ส่วนสถานที่เที่ยว ไม่ต้องห่วงเลย มีเยอะมาก: 1. Jemaa el-Fnaa Square, 2. Ben Youssef Medersa, 3. Bahia Palace, 4. Koutoubia Mosque, 5. Saadian Tombs, 6. Bab Agnaou, และก็มี ซุ๊กส์ (souks) หรือตลาด ที่ตั้งอยู่รอบๆ จัตุรัส เจมา เอล ฟนา ตั้งขายของกันเป็นโซนๆ ไป [ 2 ] เขตเมืองใหม่ เขตนี้มีตึกราบ้านช่องที่ค่อนข้างจะทันสมัย มีโรงแรมหรูหราใหญ่โตมากมาย สถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาด ก็คือ Majorelle Garden ตกเย็นก็เดินเล่นย่าน Gueliz (อยู่ติดกับ Majorelle Garden) มีร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย

เนื่องจากเราพักกันอยู่ในเมดิน่า เลยอาศัยการเดินเท้าเที่ยวเป็นซะส่วนใหญ่ เวลาเดินต้องระวังมอเตอร์ไซต์ที่ขับสวนไปมากันมากหน่อย เดินชิดขวาไว้ดีที่สุด… เวลาจะออกไปเที่ยวนอกกำแพงเมืองเก่า เรามักจะเรียกแท็คซี่ หรือไม่ก็จ้างรถม้า ซึ่งส่วนใหญ่จะจอดรอลูกค้าอยู่หน้าจัตุรัส เจมา เอล ฟนา — ควรต่อราคา และตกลงค่าบริการให้เรียบร้อยก่อนขึ้นรถนะครับ〉ข้อมูลเพิ่มเติม: เดินตะลุยย่านเมืองเก่ามาราเกช
ลานจอดรถ: เนื่องจากรถไม่สามารถขับเข้าตามตรอกเล็กๆ ได้ จึงมีลานจอดรถอยู่กระจักกระจายตามจุดต่างๆ รอบเมือง ถ้าจะเรียกแท็กซี่นั่งออกไปไหน ก็ให้จำชื่อลานจอดรถด้วยนะครับ ขากลับจะได้บอกให้แท็กซี่มาส่งถูกที่

รถม้า: รถม้าส่วนใหญ่จะจ้องรอรับนักท่องเที่ยวอย่างเดียว เพราะคนท้องถิ่นไม่นั่งกัน ส่วนใหญ่จะจอดรอลูกค้ากันอยู่หน้าลาน Jemaa el-Fnaa Square ก่อนขึ้นควรต่อราคาและตกลงทุกอย่างให้เรียบร้อยกันก่อนช้อปปิ้ง: เห็นอะไรที่ชอบ แนะนำให้ซื้อเลย เพราะที่ Marrakesh มีของขายเยอะสุดแล้ว แค่ต้องต่อราคาหน่อยเท่านั้นเอง อย่าหวังไปซื้อที่ Fes หรือเมืองอื่น เพราะของมีให้เลือกน้อยกว่าที่ Marrakesh มาก
เดินเล่นตอนกลางคืนในมาดิน่า อันตรายไหม? ถ้าพักอยู่แถว Jemaa el-Fnaa Square อย่างเรา ออกมาเดินตอนกลางคืนไม่น่ากลัวครับ เพราะมีนักท่องเที่ยวและผู้คนเดินกันเยอะพอสมควร แต่จะเริ่มโหลงเหลงหลังเที่ยงคืน หลังจากเที่ยงคืนไม่ควรเสี่ยง
Day 5: High Atlas Mountains

วันนี้ผมออกไปเอารถเช่าแต่เช้า แล้วขับรถพาครอบครัวออกจากกรุง Marrakesh มุ่งหน้าไปยังเทือกเขา Atlas Mountains ตามถนนเส้น N9 — สภาพถนนเส้นนี้ค่อนข้างดี เป็นถนนลาดยางตลอดสาย ตอนขับขึ้นเทือกเขา Atlas Mountains เส้นทางไม่ชันมาก แต่คดเคี้ยวพอสมควร ใครเมารถเตรียมยาดมได้เลย ระหว่างทางจะเห็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่สร้างเกาะอยู่ตามหุบเขา ทิวทัศน์สวยมากเลยทีเดียวขับออกมาจากเมืองมาประมาณ 2 ชม. ก็จะมีที่จอดพักให้เข้าห้องน้ำ เป็นอาคารเล็กๆ ตั้งอยู่บนสันเขา เราจอดลงมาเดินยืดเส้นยืดสายกัน จุดนี้ชื่อ Tizi Aït Barka (พิกัด: 31.490019, -7.438739) มีร้านกาแฟ ขายอาหาร มีห้องน้ำ และสามารถขึ้นไปนั่งจิบชากาแฟดูวิวอยู่บนดาดฟ้าของตัวอาคารได้ ช่วงที่ผมไปมีคนหยุดเยอะพอสมควร ไม่น่ากลัวครับหลังจากหยุดพักกันแล้ว ขับต่อไปอีก 1-2 ชม. ก็ถึงเมือง Aït Benhaddou ซึ่งเป็นเมืองเก่าที่ทางองค์การ UNESCO ยกให้เป็นมรดกโลก ถ้าขับมาทางนี้แล้ว พลาดไม่ได้เลยทีเดียว
เราจอดนั่งทานอาหารเที่ยงกันก่อน ที่ร้าน Auberge Bilal เป็นร้านอาหารท้องถิ่นและโฮสเทลเล็กๆ ตั้งอยูไม่ไกลจาก Aït Benhaddou มากนัก พอทานเที่ยงกันเสร็จ เดินข้ามคลองเล็กๆ ไปไม่กี่เมตรก็ถึงทางเข้า — ให้เวลาตัวเองเดินเที่ยวถ่ายรูปใน Aït Benhaddou 1 ชม.

ขับต่อมาอีกหน่อยก็เป็นเมือง Quarzazate ซึ่งตั้งอยู่ทางตัดของเส้น N9 กับ N10 เราเลี้ยวซ้ายเข้าเส้น N10 แล้ววิ่งต่อไปอีกประมาณ 2-3 ชม. ก็จะถึงโรงแรมที่จองไว้ Hôtel Xaluca Dades — ที่ดูๆ เป็นโรงแรมที่ดีสุดแล้วในละแวกนี้ มีแอร์ มีห้องน้ำส่วนตัว มีอาหารเช้าให้อย่างดี แถมยังอยู่ติดกับทางขึ้น Dadès Gorges อีกด้วย เช้าวันรุ่งขึ้นสามารถขับขึ้นไปเที่ยว Dadès Gorges ได้เลย
สถานที่เที่ยวบนถนนเส้น N10: 1. Ouarzazate (ที่ตั้งของ Taourirt Kasbah, Cinema Museum และ Atlas Film Sudios มีฉากหนังดังๆ ที่สามารถเข้าไปดูไปถ่ายรูปได้), 2. Skoura (เมืองกลางทะเลทรายที่เต็มไปด้วยต้นปาล์ม เป็นที่ตั้งของ Ben Morro Kasbah, Amerhidil Kashab, และหมู่บ้าน Toundout), 3. Boumalne du Dadès เป็นจุดหยุดชมวิวที่สวยมาก จะเห็นเป็นหุบเขาวิ่งตัดผ่านโอเอซิสเล็กๆ ที่อยู่เป็นหย่อมๆ ไปจนสุดขอบฟ้า
รถเช่า: ผมเช่ารถผ่านทาง Auto Europe (รับรถที่ Marrakesh คืนรถที่ Fes) เวลาจอดรถในเมืองจะมีคนเดินมาเก็บตังค์ค่าดูแลรถ อันนี้ปกติมากในโมร็อกโก ถ้าจอดไม่นาน เตรียมจ่ายประมาณ 10-20 Dh
Day 6: Erg Chebbi (Sahara)
หลังทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันเรียบร้อย ก็เช็คเอ้าท์ แล้วขับขึ้น Dadès Gorges ก่อนเลย หลังจากนั้นก็ขับตรงไปยัง Todgha Gorge ซึ่งเราจอดรถลงมาเดินเล่นถ่ายรูปกัน — หุบเขา Todgha Gorge เป็นกำแพงหินที่ใหญ่โตและสวยงามมาก ระหว่างที่เราเดินเล่นกัน ก็มีเด็กๆ คอยวิ่งตาม ตื้อให้ซื้อของ ถ้าไม่เอาก็ตอบปฏิเสธไปสั้นๆ ว่า “No, Thank you.” ไม่ต้องยิ้ม ไม่ต้องชวนคุย
วันนี้ต้องทำเวลากันหน่อย เพราะนัดเค้าไว้ 4 โมงเย็น เพื่อจะขึ้นขี่อูฐไปยัง campsite กลางทะเลทรายที่เราจะไปนอนค้างกันคืนนี้ แค้มป์นี้ ชื่อ Caravanserai Luxury Desert Camp เต็นท์แต่ละหลังจะมีห้องน้ำส่วนตัวให้ เตียงใหญ่พอสำหรับ 3 คน พ่อ แม่ ลูก นอนด้วยกันอย่างสบายๆ มีอาหารเช้า อาหารเย็น และกิจกรรมรอบกองไฟ ทุกอย่างรวมอยู่ในค่าที่พักแล้วเรียบร้อย
ผมจองเต็นท์ผ่านทางเว็บ Booking.com แล้วอีเมล์ติดต่อเรื่องการขี่อูฐอีกที อย่าลืมคอนเฟร์มจุดนัดพบให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางนะครับ ถ้าใครมีสัมภาระเยอะ สามารถแจ้งให้ทาง campsite เตรียมรถมาขนสัมภาระให้ได้… ส่วนรถเช่าที่ขับมา เราจอดทิ้งไว้ที่จุดนัดพบ ซึ่งของเราเป็นโฮสเทลเล็กๆ ชื่อ Auberge Akabar ตั้งอยู่ขอบเมือง Merzouga
พายุทราย: ช่วงที่ผมไป มีพายุทรายด้วย ถ้าใครจะเดินทางช่วงเดือน มีนา-เมษา แนะนำติดผ้าโพกหัวมาด้วย เผื่อเจอพายุทราย จะได้มีอะไรปิดหน้าไม่ให้ทรายเข้าหูเข้าตา
Day 7: Valley Gorge
จุดหมายปลายทางของวันนี้คือ เมืองเฟส (Fes) ซึ่งพอถึงแล้วต้องเอารถเช่าไปคืน — วันนี้เราออกจาก campsite สายหน่อย เพราะลูกอยากเล่นทราย เส้นทางไม่มีอะไรมาก ขับเส้น N13 มุ่งขึ้นเหนือ ข้ามเทือกเขา Atlas Mountains ไปจนถึงเมือง Azrou แล้วเลี้ยวเข้าเส้น N8 ตามป้ายที่ชี้ไปเมือง Ifran ซึ่งไปทางเดียวกันกับเมือง Fes อยู่ห่างกันแค่ 1 ชั่วโมง
ระหว่างทางเราหยุดดู Ziz Valley Gorge ที่ร้าน Valée de Ziz (ร้านกาแฟเล็กๆ ข้างทาง มีห้องนำ้) แล้วหยุดทานเที่ยงที่ Hôtel Taddart ซึ่งเป็นโรงแรมข้างทาง ตั้งอยู่เนินราบบนเทือกเขา Atlas Mountains ณ เมือง Midelt
ก่อนถึง Fes เราหยุดพักเดินยืดเส้นยืดสายกันที่ Cèdre Gouraud Forest ซึ่งเป็นป่าสนใหญ่ มีลิงน้อยลิงใหญ่นั่งต้อนรับอยู่บนต้นสนมากมาย
กว่าจะถึง Fes ก็ปาไปเกือบ 1 ทุ่ม คืนนั้นหลังจากเอารถไปคืน เรานอนพัก 1 คืน ที่โรงแรม Fes Marriott Hotel Jnan Palace ซึ่งตั้งอยู่นอกเมดิน่า เหตุที่ยังไม่อยากเข้าไปพักอยู่ในเมดิน่าคืนนี้ ก็เพราะว่า พรุ่งนี้กะจะเดินทางไปเที่ยวเมือง Chefchaouen กันต่อ ในเมดิน่าค่อนข้างวุ่นวาย เข้าออกลำบาก
Day 8: Volubilis & Meknes
วันนี้ผมจ้างคนขับรถให้มารับที่โรงแรมแต่เช้า เพื่อขับพาเราไปเมือง Chefchaouen ถ้าขับตรงจาก Fes ใช้เวลาแค่ประมาณ 4 ชม. แต่ระหว่างทางเราลงเดินเที่ยวเมือง Meknes และ Volubilis แถมหยุดทานอาหารเที่ยงที่ Restaurant la Baraka ซึ่งเป็นร้านอาหารท้องถิ่นอยู่บนเขา ณ เมือง Moulay Idriss ปกติวิวจากร้านนี้จะสวยมาก แต่ช่วงที่เราไปมีเมฆหมอกเยอะไปหน่อย เลยไม่ค่อยเห็นอะไรมากนัก — การเดินทางที่ควรใช้เวลาแค่ 4 ชม. กลายเป็น 8 ชม. โดยปริยาย
เราเดินทางถึง Chefchaouen ตอนประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ เลยหาที่นอนค้างคืนกันก่อน เราพักที่ Riad Gharnata ซึ่งเป็นโฮสเทลเล็กๆ ตั้งอยู่ไม่ห่างจากใจกลางเมือง Chefchaouen มากนัก เรากะว่าพอเช้าขึ้น ก็จะเดินเที่ยวอยู่ในเมืองจนเที่ยง ทานเที่ยงเสร็จแล้วนั่งรถกลับ Fes ตอนบ่ายๆ
Day 9: Chefchaouen
ตอนเช้าเราเดินเที่ยวเมือง Chefchaouen หรือเป็นที่รู้จักกันว่า “เมืองสีฟ้าแห่งโมร็อกโก” จุดศูนย์กลางของเมืองคือ Place Uta el-Hamam เป็นลานกว้างที่เป็นจุดเชื่อมต่อสถานที่สำคัญต่างๆ รวมไปถึงตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน สุเหล่า และพิพิธพันธ์ต่างๆพอเดินกันจนเหนื่อย ก็ขึ้นไปนั่งพักผ่อน หาอะไรกินเล่น ชมวิวที่ร้าน Casa Aladin — ตัวร้านเป็นตึกแถวเล็กๆ แต่ด้านในมีหลายโต๊ะอยู่เหมือนกัน ชั้นดาดฟ้าวิวดีมาก แต่ถ้าใครหิวต้องการหาอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ ร้านนี้คงไม่เหมาะครับ วิวดีจริง แต่อาหารไม่ค่อยเท่าไหร่ — หลังจากกินกันเรียบร้อยแล้ว เดินเล่นต่ออีกแปบนึง แล้วก็นั่งรถกลับ Fes
เราเดินทางถึงเมือง Fes ประมาณ 5 โมงเย็น แต่เนื่องจากโรงแรมที่จองรอบนี้ ตั้งอยู่ลึกในเมดิน่า รถเข้าไปไม่ถึง คนขับรถเลยจอดส่งหน้าทางเข้าประตูเมือง แล้วเราก็จ้างให้คนเข็นกระเป๋า ช่วยเดินเข็นกระเป๋าตามเราไปจนถึงโรงแรม
ตรอกซอยในเมดิน่าของ Fes แคบกว่าที่ Marrakesh เยอะพอสมควร ที่นี่ไม่ค่อยเห็นมอเตอร์ไซค์วิ่ง เพราะเมืองตั้งอยู่บนเขาและทางเดินเป็นขั้นบันได คนที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้ลาเป็นพาหนะขนของกัน ฉนั้น เวลาเดินต้องระวังเหยียบขี้ลากันหน่อย
Day 10-11: Fes
เราให้เวลาตัวเอง 2 วันเต็มๆ เพื่อเดินเที่ยวเมือง Fes โรงแรมที่เราพัก ชื่อ Dar Bensouda — ที่นี่สมัยก่อนเคยเป็นบ้านพักของนักสวดชื่อดัง ปัจจุบันได้ถูกบูรณะปรับปรุงใหม่ให้เป็นโรงแรม และนับว่าเป็น riad ที่เก่าแก่ที่สุดในมาดีน่า
เฟส (Fes) เคยเป็นเมืองหลวงของโมร็อคโกมาก่อน และยังคงสภาพความเก่าแก่ไว้อย่างไม่เจือจาง ถ้าใครอยากเดินเที่ยวในเมดิน่าเอง ก็คว้าแผนที่จากโรงแรมติดมือมาด้วยนะครับ หวังพึ่ง Google Maps ในเมดินาไม่ได้เลย เพราะสัญญาณอ่อนมาก โรงแรมในนั้นส่วนใหญ่จะให้โทรศัพท์มือถือติดตัวไว้ เผื่อหลง หาทางกลับโรงแรมไม่ถูกจะได้โทรเรียกคนให้เดินมารับได้
Day 12: Rabat
หลังจากเที่ยวเมือง Fes เสร็จ เราก็นั่งรถไฟต่อไปยังกรุง Rabat ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. รถไฟที่นี่สะอาด นั่งสะบายดี พอถึงสถานี ก็แบกกระเป๋าเดินหารถแท๊คซี่นั่งไปโรงแรม รถแท๊คซี่หาไม่ยากครับ จอดรอลูกค้าอยู่หน้าสถานีกันเต็มเลย แต่ก่อนขึ้นรถควรตกลงราคาให้เรียบร้อยกันก่อน
Day 13: Casablanca
เราพักอยู่โรงแรม Four Seasons Hotel Casablanca ซึ่งอยู่ติดทะเล มีศูนย์การค้า ร้านอาหาร และฟู้ตคอร์ทใกล้ๆ หาของกินได้สะดวก หลังจากเที่ยวมัสยิด Hassan II Mosque กันเสร็จ เราก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม เดินเล่นริมหาด พอตกเย็นก็ไปนั่งกินที่ฟู้ตคอร์ทในศูนย์การค้า แล้วก็กลับโรงแรมไปเก็บกระเป๋า เตรียมตัวเดินทางกลับบ้านพรุ่งนี้เช้า
Day 14: Leaving Morocco
วันนี้เราบินออกจากสนามบิน Casablanca แต่เช้ามืด ทางโรงแรมช่วยเรียกรถแท็กซี่มารับพาเราไปสนามบิน รอบนี้บินสายการบิน Air Canada จาก Casablanca ไปต่อเครื่องที่ Montreal ประเทศแคนนาดา แล้วต่อไปยัง Los Angeles, California.